ชัยนาท - สสจ.ชัยนาท ขับเคลื่อน “ทีมหมอครอบครัว” บริการใหม่ของ สธ.ที่จะเข้าถึงประชาชนคนไทยทุกครัวเรือน ตั้งเป้าให้มีทีมทุกอำเภอ จัดประชุมขับเคลื่อนนโยบาย และลงพื้นที่เยี่ยมผู้ป่วย โดยทีมสหวิชาชีพในกลุ่มเป้าหมายพิเศษ ได้แก่ ผู้สูงอายุติดเตียง 826 ราย ผู้พิการที่ได้รับการดูแล 1,695 ราย และผู้ป่วยระยะสุดท้าย 134 ราย คาดจะดูแลกลุ่มเป้าหมายทั้งหมดได้ครบทุกราย
วันนี้ (21 เม.ย.) นพ.พูลสิทธิ์ ศีติสาร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยนาท กล่าวว่า สุขภาพนับเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคน หรือทุกครอบครัว แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคน หรือทุกครอบครัวจะเข้าถึงบริการสุขภาพที่ดีได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีความหวัง และมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนเพื่อทำให้ทุกคน หรือทุกครอบครัวบนแผ่นดินไทยสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ มีความครอบคลุม และสามารถเข้าถึงอย่างเป็นธรรมได้
นพ.พูลสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ทีมหมอครอบครัว หรือ Family care team บริการดูแลสุขภาพประชาชนทุกครัวเรือน โดยเฉพาะในระดับการบริการปฐมภูมิที่มีคุณภาพทีมฯ จะมาจากบุคลากรด้านสุขภาพในระดับต่างๆ ตั้งแต่ชุมชน ตำบล อำเภอ จังหวัด ทำงานร่วมกับบุคลากรทางสาธารณสุข และแพทย์ เพื่อเป็นทีมที่สามารถดูแล ส่งต่อปัญหาสุขภาพได้อย่างใกล้ชิด ทันท่วงที เสมือนมีหมอประจำครอบครัวอยู่ใกล้บ้าน พร้อมๆ กับเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้ป่วย และครอบครัว
“ทีมหมอครอบครัว” เปรียบเสมือนการปฏิรูปการดูแลสุขภาพในรูปแบบใหม่ เป็นการต่อยอดเพิ่มเติมจากฐานการทำงานเดิมของระบบบริการสุขภาพของไทย โดยมีสุขภาพของคนในครอบครัวเป็นเป้าหมาย และจุดศูนย์กลางในการทำงานร่วมกัน อันจะนำมาสู่การทำให้ประชาชน และครอบครัวได้รับการดูแลด้านสุขภาพ มีความมั่นใจ เชื่อใจ ไว้ใจ โดยมีทีมหมอครอบครัวเสมือนเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิท ญาติของครอบครัว ซึ่งประเทศไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว มีผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่สุขภาพไม่ดี นอนติดเตียงต้องพึ่งผู้ดูแล และยังมีแนวโน้มที่ผู้สูงอายุอยู่ตามลำพังไร้ลูกหลานดูแลเพิ่มขึ้น
“นี่คือประชากรกลุ่มแรกที่ทีมหมอครอบครัวจะเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อทำให้คนเหล่านั้นมีสุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ถ้าจะให้ดีกว่านั้นคือ เมื่อเจ็บป่วยเรื้อรัง เดินทางลำบาก ก็มีคนมาดูแลที่บ้านแล้วคอยเป็นที่ปรึกษาช่วยเหลือให้ความรู้ คำแนะนำให้แก่ญาติ หรือผู้ดูแลอย่างน้อยก็ในแง่ที่มีบุคลากรสาธารณสุขในชนบทที่ไม่ใช่แพทย์ ลงไปดูแลประชาชนตั้งแต่เมื่อยังแข็งแรงดี ไปจนถึงเวลาเกิดเจ็บป่วยเรื้อรัง หรือถึงขั้นติดบ้านติดเตียง ต้องการการดูแลที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ หรือทั้งหมด แทนที่จะต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยมารับบริการทุกครั้ง การทำงานเป็นทีมหมอครอบครัวไม่ใช่การเพิ่มงานใหม่ แต่เป็นการทำงานแบบใหม่เพื่อสร้างสิ่งดีๆ ใหม่ๆ ให้แก่ทั้งคนทำงาน และชาวบ้าน เพื่ออนาคตระบบสุขภาพประเทศที่เข้มแข็งขึ้น”