ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า เนื่องในวันที่ 13 เมษายน ของทุกปี เป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ และตรงกับวันขึ้นปีใหม่ไทย หรือวันสงกรานต์ กรุงเทพมหานครได้จัดกิจกรรมในโอกาสวันผู้สูงอายุมาโดยตลอด โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ เพราะผู้สูงอายุเป็นผู้ที่มีคุณค่าต่อสังคมเป็นอย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่ได้ทำคุณประโยชน์แก่บ้านเมืองและสังคม และมีศักยภาพพอที่จะประสิทธิประสาทความรู้ ประสบการณ์ให้แก่ลูกหลาน ให้กับอนุชนคนรุ่นหลังครับ ดังนั้น จึงถือว่าผู้สูงอายุเป็นแหล่งความรู้ เป็นแหล่งภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
กรุงเทพมหานครจึงได้จัดกิจกรรมดูแลผู้สูงอายุอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ สภาพแวดล้อมทางสังคม หรือทางด้านเศรษฐกิจ และขยายการมีส่วนร่วมของชุมชน พัฒนาอาสาสมัครสาธารณสุขในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ พร้อมเปิดศูนย์บริการเวชศาสตร์ฟื้นฟูผู้สูงอายุ โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน รวมทั้งพัฒนาชุมชนต้นแบบการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว ตลอดจนเพิ่มความสะดวกในการดำเนินชีวิตให้แก่ผู้สูงอายุ ด้วยการเพิ่มบริการแท็กซี่สำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการที่ใช้วีลแชร์เป็น 30 คัน รวมถึงติดตั้งลิฟต์ที่สถานีรถไฟฟ้า BTS เพิ่มเป็น 100 ตัว พร้อมทั้งสนับสนุนให้ผู้สูงอายุได้รับสิทธิที่พึงได้อย่างเท่าเทียม เป็นธรรม และทั่วถึง เพื่อรับมือสังคมผู้สูงอายุที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย
ขณะที่ในปีนี้กรุงเทพมหานครมีของขวัญสำคัญให้แก่ผู้สูงอายุคือ "รถทันตกรรมเคลื่อนที่สำหรับผู้สูงอายุ" ซึ่งภายในรถมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สูงอายุ หรือผู้พิการ ที่ต้องใช้วีลแชร์ และจะจัดรถเช่นนี้เพิ่มขึ้นอีก เพราะเป็นรถที่สำนักอานามัยกรุงเทพมหานครเป็นผู้ออกแบบเอง นอกจากนี้ จะดูดูแลผู้สูงอายุเพิ่มเติมในเรื่องของโรคต้อกระจกด้วย
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า ภาครัฐไม่สามารถดูแลผู้สูงอายุได้อย่างทั่วถึง ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของพี่น้องชาวชุมชน และการมีส่วนร่วมของอาสาสมัครต่างๆ ที่จะช่วยเป็นหูเป็นตา คอยให้คำแนะนำผู้สูงอายุในระดับชุมชน ในระดับครัวเรือน ดังนั้น จึงเน้นเรื่องการเผยแพร่ความสำคัญของการดูแลผู้สูงอายุ ให้สังคมในภาพรวมได้รับรู้และเข้าใจมากขึ้น เพราะการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
กรุงเทพมหานครจึงได้จัดกิจกรรมดูแลผู้สูงอายุอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ สภาพแวดล้อมทางสังคม หรือทางด้านเศรษฐกิจ และขยายการมีส่วนร่วมของชุมชน พัฒนาอาสาสมัครสาธารณสุขในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ พร้อมเปิดศูนย์บริการเวชศาสตร์ฟื้นฟูผู้สูงอายุ โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน รวมทั้งพัฒนาชุมชนต้นแบบการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว ตลอดจนเพิ่มความสะดวกในการดำเนินชีวิตให้แก่ผู้สูงอายุ ด้วยการเพิ่มบริการแท็กซี่สำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการที่ใช้วีลแชร์เป็น 30 คัน รวมถึงติดตั้งลิฟต์ที่สถานีรถไฟฟ้า BTS เพิ่มเป็น 100 ตัว พร้อมทั้งสนับสนุนให้ผู้สูงอายุได้รับสิทธิที่พึงได้อย่างเท่าเทียม เป็นธรรม และทั่วถึง เพื่อรับมือสังคมผู้สูงอายุที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย
ขณะที่ในปีนี้กรุงเทพมหานครมีของขวัญสำคัญให้แก่ผู้สูงอายุคือ "รถทันตกรรมเคลื่อนที่สำหรับผู้สูงอายุ" ซึ่งภายในรถมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สูงอายุ หรือผู้พิการ ที่ต้องใช้วีลแชร์ และจะจัดรถเช่นนี้เพิ่มขึ้นอีก เพราะเป็นรถที่สำนักอานามัยกรุงเทพมหานครเป็นผู้ออกแบบเอง นอกจากนี้ จะดูดูแลผู้สูงอายุเพิ่มเติมในเรื่องของโรคต้อกระจกด้วย
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า ภาครัฐไม่สามารถดูแลผู้สูงอายุได้อย่างทั่วถึง ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของพี่น้องชาวชุมชน และการมีส่วนร่วมของอาสาสมัครต่างๆ ที่จะช่วยเป็นหูเป็นตา คอยให้คำแนะนำผู้สูงอายุในระดับชุมชน ในระดับครัวเรือน ดังนั้น จึงเน้นเรื่องการเผยแพร่ความสำคัญของการดูแลผู้สูงอายุ ให้สังคมในภาพรวมได้รับรู้และเข้าใจมากขึ้น เพราะการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด