xs
xsm
sm
md
lg

“วัตสัน” ทุ่ม 400 ล้านรับศึก “เฮลธ์บิวตี้เชน” บุกเพิ่มเฮาส์แบรนด์-ลุยช่องทาง “อี-สโตร์”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“ร็อด เร้าท์ ลี่ย์” (ขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นทรัล วัตสัน จำกัด
เศรษฐกิจผันผวน จีดีพีไม่นิ่ง ส่งครึ่งปีหลัง “เฮลธ์&บิวตี้” แข่งเดือด “วัตสัน” ชูจุดแข็ง อัด 400 ล้านบาทลุยรอบด้าน ผุด 50 สาขาใหม่ เรียงแถวส่งสินค้านวัตกรรมใหม่ตรึงลูกค้าในมืออีก 3,000 รายการ เพิ่ม “อี-สโตร์” สร้างยอดขาย 24 ชม. มั่นใจดันรายได้ปีนี้โตสองหลัก สูงกว่าปีก่อน

นายร็อด เร้าท์ ลี่ย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นทรัล วัตสัน จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ท้าทายในการดำเนินธุรกิจเฮลท์แอนด์บิวตี้ซึ่งมีผลต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของภาพรวมเศรษฐกิจกับตัวเลขจีดีพีที่ผันผวนไม่ค่อยนิ่ง โดยมองว่ายังมีผลต่อเนื่องไปจนถึงครึ่งปีหลังซึ่งมองว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายอีกครั้งกับการแข่งขันที่จะรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากแต่ละแบรนด์จะแอ็กทีฟขึ้นเพื่อดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้า แต่ยังมองว่ามีปัจจัยบวกอยู่บ้าง เช่น ราคาน้ำมันที่ลดลง เป็นต้น

ในส่วนของ “วัตสัน” ปีที่ผ่านมาถือเป็นอีกปีที่ยังมียอดขายเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักตามแผนที่วางไว้ ส่วนในปีนี้เชื่อว่าจะยังมีอัตราการเติบโตสองหลักและดีกว่าปีก่อนเช่นเดียวกันซึ่งเป็นผลมาจากความมั่นใจที่มองว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของไทยในระยะยาวจะดีขึ้น เห็นได้จากภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาบ้างแล้ว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่นิยมมาเที่ยวในประเทศไทยซึ่งส่งผลดีต่อภาคธุรกิจอย่างมาก

จากความมั่นใจที่เกิดขึ้นส่งผลให้ปีนี้บริษัทยังพร้อมใช้งบลงทุนกว่า 400 ล้านบาทสำหรับการทำตลาดโฆษณาประชาสัมพันธ์และเพิ่มสาขาใหม่อีกกว่า 50 สาขาในปีนี้ จากปีก่อนเพิ่มเพียง 40 สาขา ซึ่งขณะนี้เปิดแล้ว 9 สาขา ภายในครึ่งปีแรกจะเปิดให้ได้ 20-22 สาขา โดยการเปิดสาขาใหม่ในปีนี้จะเน้นทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเท่าๆ กัน ที่สำคัญในปีนี้บริษัทยังได้เปิดแฟล็กชิปสโตร์ขนาด 500 ตารางเมตรที่ สยามสแควร์ ซอย 3 เป็นสาขาลำดับที่ 333 ด้วย ถือเป็นโมเดลขนาดที่ใหญ่ที่สุดในปีนี้ในการเพิ่มศักยภาพของ “วัตสัน”

ในส่วนของผลิตภัณฑ์ ปีนี้เตรียมนำเสนอสินค้าใหม่อีกกว่า 3,000 รายการ ภายใต้แนวความคิด “สินค้านวัตกรรมใหม่และเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์” รวมถึงเพิ่มจำนวนสินค้าเฮาส์แบรนด์อีก 200 รายการ จากที่วางจำหน่ายอยู่แล้ว 600 รายการ โดยพบว่ากลุ่มเฮาส์แบรนด์เป็นสินค้าที่มีอัตราการเติบโตสูงไม่ต่ำกว่า 30% ในปีก่อน ส่วนแผนการนำเสนอสินค้าใหม่ในปีนี้จะเน้นกลุ่มสกินแคร์ แฮร์แคร์ และเพอร์ซันนัลแคร์ รวมถึงคอสเมติกเป็นหลัก เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าที่มียอดขายดีเป็นลำดับต้นๆ

อย่างไรก็ตาม ปีนี้ยังได้เพิ่มช่องทางจำหน่ายในส่วนของดิจิตอลมีเดีย รูปแบบ “อี-สโตร์” อีกด้วย เพื่อเติมเต็มและเพิ่มความสะดวกในการให้บริการลูกค้าแบบ 24 ชม. ผ่านทางเว็บไซต์ โดยได้เริ่มทดลองเปิดให้บริการแล้วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และกำลังจะเปิดอย่างเป็นทางการอีกครั้งในระยะอันใกล้นี้ด้วยจำนวนสินค้ากว่า 1,000 รายการ ส่วนใหญ่เป็น สกินแคร์ และคอสเมติก เป็นต้น

จากปัจจุบัน “วัตสัน” มีฐานแฟนเพจในเฟซบุ๊กกว่า 1 ล้านคน และมีฐานสมาชิกกว่า 2 ล้านราย โดยมองว่าช่องทางดิจิตอลมีเดียเป็นโอกาสสำคัญในการขายจากนี้ต่อไป ขณะที่การทำตลาดในรูปแบบจัดโปรโมชันส่งเสริมการขายนั้นยังจะเน้นทุกเดือน โดยปีนี้จะเพิ่มความพิเศษให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปีนี้ยังมียอดขายเติบโตสองหลักตามแผนที่วางไว้

“การแข่งขันของธุรกิจในรูปแบบร้านเฮลท์แอนด์บิวตี้ในไทยแม้ว่าจะมีสูงขึ้นต่อเนื่องจากการที่มีแบรนด์ใหม่ๆ ทยอยเปิดให้บริการ แต่มั่นใจว่าจะแข่งขันได้ด้วยจุดแข็ง 4 ข้อ คือ 1. การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจของคนไทย 2. อินโนเวชันของสินค้าที่นำเสนออย่างต่อเนื่อง 3. CRM ที่เข้มแข็งด้วยฐานสมาชิกกว่า 2 ล้านราย และ 4. จำนวนแพลตฟอร์มช่องทางจำหน่ายที่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้า เช่น รูปแบบที่เปิดใหม่อย่าง “อี-สโตร์” จึงมั่นใจว่า “วัตสัน” จะยังเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในกลุ่มเฮลท์แอนด์บิวตี้ต่อไป” นายร็อดกล่าวสรุป




กำลังโหลดความคิดเห็น