กรมขนส่งฯ ลดภาษีประจำปีสำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า และ NGV ต่ำกว่ารถยนต์ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง หนุนคนไทยหันใช้รถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน เผยมีรถจดทะเบียนทั่วประเทศกว่า 36 ล้านคัน ใช้ไฟฟ้าเพียง 2,300 คัน ใช้ NGV กว่า 4 แสนคันเท่านั้น
นายสุชาติ กลิ่นสุวรรณ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ขบ.ต้องการส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานอื่นทดแทนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง โดยเฉพาะรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด เช่น พลังงานไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากปัจจุบันราคาน้ำมันไม่แน่นอน ไม่สามารถควบคุมได้ และมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งก่อให้เกิดมลพิษในอากาศ ดังนั้น ขบ.จึงได้กำหนดอัตราการจัดเก็บภาษีรถประจำปีสำหรับรถพลังงานสะอาดดังกล่าวเป็นการเฉพาะโดยรถที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้า หรือขับเคลื่อนด้วยพลังงานประเภทอื่นโดยไม่ใช้เครื่องยนต์ หากเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง จะเก็บอัตราภาษีตามน้ำหนักของรถ เป็นอัตราเดียวกับภาษีที่จัดเก็บในรถกระบะ ซึ่งน้อยกว่าอัตราภาษีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง หากเป็นรถประเภทอื่น เช่น รถตู้ รถบรรทุก รถจักรยานยนต์ รวมไปถึงรถบดถนน รถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตร และรถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัด กำหนดจัดเก็บภาษีในอัตรากึ่งหนึ่งของอัตราภาษีในรถประเภทเดียวกันที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เช่น รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เสียภาษีประจำปีคันละ 100 บาท ในขณะที่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลที่ใช้พลังงานขับเคลื่อนจากไฟฟ้า จะเสียภาษีประจำปีคันละ 50 บาทเท่านั้น
สำหรับรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่ประกอบด้วย ก๊าซมีเทนเป็นส่วนใหญ่เป็นเชื้อเพลิง หรือก๊าซ NGV เพียงอย่างเดียวนั้น จัดเก็บภาษีในอัตรากึ่งหนึ่งของอัตราภาษีในรถประเภทเดียวกันที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แต่หากเป็นระบบก๊าซ NGV ร่วม หรือสลับกับน้ำมันเชื้อเพลิง อัตราภาษีที่จัดเก็บอยู่ที่สามในสี่ของอัตราที่กำหนด และสำหรับรถที่ใช้แก๊ส LPG นั้น ขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาปรับเพิ่มอัตราภาษีรถประจำปี ยังคงเรียกเก็บในอัตราเดิมตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ซึ่งประชาชนสามารถขอดูรายละเอียดอัตราภาษีรถประเภทต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก www.dlt.go.th
โดยข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2558 มีรถจดทะเบียนสะสมทั่วประเทศทั้งสิ้น 36,159,812 คัน เป็นรถใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิง 24,983,990 คัน ใช้น้ำมันดีเซล 9,223,381 คัน LPG 1,240,783 คัน และ NGV จำนวน 415,164 คัน ใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวน 2,300 คัน เป็นรถจดทะเบียนตามพระราชบัญญัติรถยนต์ จำนวน 2,262 คัน และรถที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติการขนส่งอีก 38 คัน
ทั้งนี้ การชำระภาษีรถประจำปีต้องมีหลักฐานการทำ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถมาแสดง โดยจะมีสมุดคู่มือจดทะเบียนรถหรือไม่ก็ได้ และสำหรับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี หรือรถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปีขึ้นไป ต้องมีใบรับรองการตรวจสภาพรถจากสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) มาแสดงด้วย รวมถึงรถที่ติดตั้งแก๊สต้องมีหนังสือรับรองการตรวจ และทดสอบตามระยะเวลาที่กำหนดด้วย ทั้งนี้ ภาษีดังกล่าวกรมการขนส่งทางบกจัดส่งให้ท้องถิ่น เพื่อนำไปพัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวม