กรมทรัพย์สินทางปัญญา ผิดหวังสหรัฐฯ คงอันดับ PWL ไทยต่อ ทั้งที่ทำงานแก้ปัญหาละเมิด ป้องกัน และปราบปรามอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการแก้กฎหมายตามที่สหรัฐฯ ต้องการ แต่ยังไม่พอใจ อ้างไทยแก้กฎหมายและบังคับใช้ไม่เข้มข้น
นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยถึงกรณีที่สหรัฐฯ ประกาศคงอันดับไทยในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (PWL) ด้านทรัพย์สินทางปัญญา ตามมาตรา 301 พิเศษ กฎหมายการค้าสหรัฐฯ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 หรือตั้งแต่ปี 2550 ว่า สาเหตุที่สหรัฐฯ ยังคงจัดให้ไทยอยู่ในอันดับเดิม เพราะสหรัฐฯ อ้างว่า การแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาของไทยยังไม่เข้มข้น การบังคับใช้กฎหมายยังไม่เข้มข้น การจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาใช้ระยะเวลานานเกินไป โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับยา รวมทั้งไม่ให้สหรัฐฯ ซึ่งเป็นเจ้าของสิทธิบัตรเข้าไปมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นในการแก้ไขกฎหมาย เป็นต้น
”ก่อนการประกาศผล กรมฯ หวังว่า สหรัฐฯ จะจัดให้ไทยอยู่ในอันดับที่ดีขึ้น หรืออยู่ในบัญชีประเทศที่ถูกจับตามอง (WL) เพราะที่ผ่านมา ไทยดำเนินการแก้ไขปัญหา และปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเต็มที่ และทำมากแล้ว โดยเฉพาะการแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ให้ครอบคลุมถึงการป้องกันการละเมิดบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต และป้องกันการแอบถ่ายในโรงภาพยนตร์ ตามที่สหรัฐฯต้องการ”
อย่างไรก็ตาม เมื่อผลออกมาไทยยังอยู่ในอันดับเดิม น่าจะเป็นเพราะสหรัฐฯ ต้องการให้การบังคับใช้กฎหมายที่แก้ไขใหม่โดยเร็วที่สุด จากที่ขณะนี้กว่ามีผลบังใช้ในอีก 180 วัน หรือ 60 วันภายหลังการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ส่วนการการลักลอบแอบถ่าย สหรัฐฯต้องการมากกว่ากฎหมายของไทยคือไม่ให้ผู้ชมภาพยนตร์นำโทรศัพท์มือถือเข้าไปในโรงหนังด้วย ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในทางธุรกิจ
ส่วนการเอาผิดกับเจ้าของสถานที่ที่ปล่อยให้มีการขายสินค้าละเมิดนั้น ได้เคยชี้แจงสหรัฐฯว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะบางครั้งเจ้าของสถานที่ไม่รู้ว่าผู้เช่าจะขายสินค้าละเมิด หากจะจับและเอาผิดจะไม่ยุติธรรม แต่ก็มีกฎหมายที่จะเอาผิดทางอาญาได้อยู่แล้ว ทั้งนี้ แม้สหรัฐฯ ยังไม่พอใจการแก้ปัญหาการละเมิดของไทย แต่ตัวแทนเจ้าของสิทธิ์สินค้าแบรนด์เนมดังๆ ของยุโรปหลายรายพึงพอใจมาก และยังชี้แจงกับตนว่า ปีนี้ไทยน่าจะถูกจัดให้อยู่ในบัญชีที่ดีขึ้นกว่าเดิม
นางมาลีกล่าวว่า การที่ยังอยู่ในบัญชีเดิม ก็ไม่ทำให้เกิดผลกระทบทางการค้ากับสหรัฐฯ แต่อาจทำให้ภาพพจน์ของไทยเสียหายบ้างเท่านั้น ซึ่งกรมฯ จะหารือกับรมว.พาณิชย์ เพื่อกำหนดแนวทางดำเนินการให้ไทยพ้นจากบัญชี PWL ในการจัดอันดับครั้งต่อไปในปีหน้า
สำหรับประเทศที่อยู่ในอันดับ PWL ในปีนี้ ได้แก่ จีน อินโดนีเซีย ไทย อินเดีย ปากีสถาน แอลจีเรีย อาร์เจนตินา ชิลี เอกวาดอ คูเวต รัสเซีย ยูเครน และเวเนซุเอล่า
