“ฉัตรชัย” เปิดตัวโครงการ “พี่จูงน้อง” นำร่องรายใหญ่ช่วย SMEs กว่า 50 บริษัทบุกเจาะตลาดต่างประเทศ ดีเดย์เดือน พ.ค.นี้ แย้มส่งออก มี.ค.ลบอีก 4% ส่วนเป้าทั้งปีหดเหลือ 1% พร้อมส่ง รมช.พาณิชย์บินแจงอียูเรื่องประมง ด้าน 5 บิ๊กเอกชนยันพร้อมหนุน SMEs ทำตลาดต่างประเทศ
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเปิดโครงการ “พี่จูงน้อง” ร่วมกับผู้ประกอบการรายใหญ่ 5 ราย ได้แก่ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เซ็นทรัล สหพัฒน์ ไทยเบฟเวอเรจ และล็อกซเล่ย์ ว่า เบื้องต้นได้คัดเลือกผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ที่มีความพร้อมกว่า 50 บริษัท เพื่อบุกเจาะตลาดต่างประเทศ ผ่านช่องทางและเครือข่ายของผู้ประกอบการรายใหญ่ข้างต้น ซึ่งจะเริ่มโครงการตั้งแต่เดือน พ.ค. 2558 เป็นต้นไป และคาดว่าภายใน 6 เดือนจะสามารถประเมินผลการทำงานได้ว่าประสบผลสำเร็จมากน้อยแค่ไหน
“ตอนนี้ผู้ประกอบการรายใหญ่ได้ทำการคัดเลือก SMEs ที่จะพาไปทำตลาดต่างประเทศได้แล้ว ซึ่งแต่ละรายได้เข้ามาช่วยทั้งการฝึกอบรม ช่วยพัฒนาสินค้า และพาไปบุกเจาะตลาดต่างประเทศผ่านช่องทางต่างๆ ที่รายใหญ่มีอยู่ ซึ่งน่าจะใช้เวลา 5-6 เดือนถึงจะประเมินได้ว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ และหากสำเร็จก็จะขยายโครงการต่อไปเพื่อช่วย SMEs รายอื่นๆ ให้มีโอกาสในการส่งออกเพิ่มขึ้นอีก” พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว
สำหรับการทำตลาดต่างประเทศ ได้แบ่งตลาดและสินค้าออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ตลาดจีน เน้นสินค้าอาหาร อุปโภคบริโภค และเครื่องใช้ กลุ่มที่ 2 ตลาดกลุ่มประเทศ CLMV และอาเซียน เน้นสินค้าอาหาร ของเล่น และเครื่องดื่ม กลุ่มที่ 3 ตลาดเวียดนามและอินโดนีเซีย เน้นสินค้าแฟชั่น และกลุ่มที่ 4 ตลาดกัมพูชา เน้นสินค้าแฟชั่น
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า การส่งออกในเดือน มี.ค. เบื้องต้นได้รับรายงานว่าจะติดลบประมาณ 4% แต่ดีขึ้นกว่าเดือน ก.พ.ที่ติดลบ 6% และเชื่อว่าแนวโน้มการส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้จะขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะกระทรวงฯ ได้เร่งรัดการแก้ไขปัญหาให้กับแต่ละอุตสาหกรรม รวมทั้งจัดทำแผนเพื่อผลักดันการส่งออกเป็นรายอุตสาหกรรม ซึ่งขณะนี้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกำลังหารือร่วมกับผู้ประกอบการ โดยคาดว่าจะได้แผนงานทั้งหมดภายในเดือน พ.ค.นี้ และจะเริ่มทำงานตั้งแต่เดือน มิ.ย.เป็นต้นไป
ส่วนเป้าหมายทั้งปีคาดว่าจะปรับลดเหลือการเติบโตประมาณ 1% จากเดิมที่ตั้งไว้ที่ 4% เนื่องจากไตรมาสแรกการส่งออกติดลบประมาณ 4% และยังมีการประเมินว่าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ และราคาสินค้าเกษตรยังไม่ปรับตัวสูงขึ้น แต่เชื่อว่าการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น
สำหรับการแก้ไขปัญหาที่สหภาพยุโรป (อียู) ให้ใบเหลืองสินค้าประมงไทย ได้มอบหมายให้นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.พาณิชย์ นำคณะเดินทางไปยังอียู เพื่อทำการชี้แจง และอธิบายความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่คู่ค้า
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ซีพีมีบริษัทในเครือ 8 บริษัทที่จะช่วยเหลือ SMEs ที่มีความพร้อมในการออกไปทำตลาดต่างประเทศ โดยจะเน้นตลาดจีนและอาเซียน เพราะมองว่าอีก 5 ปีข้างหน้าตลาดจีนจะมีเศรษฐกิจเทียบเท่าสหรัฐฯ ขณะที่อาเซียนจะเทียบเท่ากับยุโรป ทั้งนี้ เห็นว่าในส่วนของรัฐควรจะมีการจัดตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือ SMEs ในการพัฒนาสินค้า พัฒนาแบรนด์ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ
นายฐาปนะ สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไทยเบฟได้ทำการคัดเลือก SMEs และนำมาฝึกอบรมเพื่อเตรียมความพร้อม ก่อนที่จะนำไปทำตลาดทั้งใน และต่างประเทศ
นายปริญญ์ จิริวัฒน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า เซ็นทรัลมีการลงทุนศูนย์การค้าทั้งในเวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งจะช่วยนำสินค้าของ SMEs เข้าไปทำตลาดในประเทศเหล่านี้
นายธงชัย ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซ์เล่ย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ล็อกซ์เล่ย์ได้ใช้คอนเนกชันทางธุรกิจที่มีอยู่ทั้งในจีนและฮ่องกง ในการสนับสนุน SMEs เพื่อขยายตลาด
นายทนงชัย จงปิยวรางค์ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารธุรกิจต่างประเทศ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สหพัฒน์ฯ ได้เลือก SMEs ที่มีความพร้อมในการทำตลาดได้ทันที เช่น เครื่องหนัง รองเท้า และแฟชั่น ออกไปทำตลาด ส่วนกลุ่มที่ไม่พร้อมก็จะช่วยพัฒนาก่อนที่จะพาออกไปทำตลาด
