xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” เชิญทูต 40 ชาติฟังผลงาน 6 เดือน โชว์ขายข้าว ช่วยพืชเกษตร แก้ค่าครองชีพ ดันส่งออก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“พาณิชย์” เชิญเอกอัครราชทูต อุปทูต ทูตพาณิชย์ และผู้ช่วยทูตพาณิชย์จาก 40 ประเทศร่วมฟังผลงาน 6 เดือน โชว์ระบายข้าวค้างสต๊อก ดูแลเกษตรกร แก้ปัญหาค่าครองชีพ ผลักดันส่งออก พร้อมดันไทยเข้าสู่ AEC เน้นบุกค้าชายแดน ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าเป็น 1.5 ล้านล้านบาทในปีนี้

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการแถลงผลงาน 6 เดือนของกระทรวงพาณิชย์ โดยมีเอกอัครราชทูต อุปทูต ทูตพาณิชย์ ผู้ช่วยทูตพาณิชย์ประมาณ 40 ประเทศ และผู้แทนภาคเอกชน เข้าร่วม วันนี้ (20 เม.ย.) ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่คั่งค้างมาจากรัฐบาลก่อน และได้วางแนวทางการดำเนินการ โดยประสบความสำเร็จในหลายเรื่อง ทั้งการดูแลราคาสินค้าเกษตร การดูแลค่าครองชีพ การผลักดันการส่งออก การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และการวางรากฐานให้แก่ประเทศไทยในอนาคต

ทั้งนี้ ในการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร ได้เข้ามาดูแลบริหารจัดการเรื่องข้าว โดยผลักดันให้เกษตรกรได้รับเงินจำนำข้าว และดูแลราคาข้าวเปลือกให้เกษตรกรขายได้ในราคาที่เป็นธรรม ไม่ต่ำกว่าตันละ 8,200-8,500 พันบาท การผลักดันการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลที่มีค้างอยู่ 18 ล้านตัน โดยล่าสุดได้ระบายข้าวในสต๊อกไปแล้ว 2 ล้านตัน และขายในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) อีก 1 ล้านตัน รวมมูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท และยังมีสัญญาที่อยู่ระหว่างเจรจาส่งมอบอีก 2.6 ล้านตัน โดยมั่นใจว่าปีนี้ไทยจะส่งออกข้าวได้ 10 ล้านตัน ส่วนสินค้าเกษตรอื่นๆ ได้ดูแลเป็นพิเศษสำหรับมันสำปะหลัง ผลไม้ ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดและยางพารา ซึ่งได้มีการวางแผนล่วงหน้าเพื่อรับมือกับผลผลิตที่จะออกมา

ส่วนการดูแลค่าครองชีพ ได้เน้นการดูแลค่าครองชีพให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยได้จัดงานธงฟ้าตามจังหวัดและอำเภอต่างๆ และจัดธงฟ้าเคลื่อนที่ไปยังแหล่งชุมชนทุกจังหวัด ซึ่งจัดไปแล้วประมาณ 1,000 ครั้ง มูลค่าจำหน่าย 1,300 ล้านบาท ลดค่าครองชีพได้ 550 ล้านบาท และยังได้จัดโครงการเทใจคืนสุขสู่ประชาชนในช่วงปีใหม่ ลดราคาสินค้าทั้งประเทศ มียอดจำหน่ายกว่า 50,000 ล้านบาท และกำลังจะจัดการลดราคาสินค้าต้อนรับเปิดเทอมเพื่อช่วยเหลือผู้ปกครอง รวมทั้งได้ดูแลอาหารจานด่วน ผ่านโครงการหนูณิชย์พาชิม ซึ่งได้มีร้านค้าขึ้นทะเบียนแล้ว 2,600 แห่งทั่วประเทศ

ในด้านการส่งออก ยอมรับว่ามีปัญหา เพราะเข้ามาทำงานในช่วงที่เศรษฐกิจโลกไม่ดี แต่ก็ได้จัดทำยุทธศาสตร์ที่จะรักษาตลาด ทั้งการจัดงานแสดงสินค้าเพื่อดึงให้ผู้ซื้อเข้ามาซื้อสินค้าไทย การนำผู้ประกอบการไทยไปขายสินค้า การผลักดันการส่งออกไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ รวมทั้งเมืองรองในจีน อินเดีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา และยังขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ช่วย SMEs บุกตลาดต่างประเทศ

“เรื่องการส่งออก เหมือนพาณิชย์เป็นจำเลย แต่จริงๆ เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ซึ่งต่อไปนี้กระทรวงพาณิชย์จะให้ความสำคัญกับเรื่องการส่งออกให้มากขึ้น โดยจะเชิญภาคเอกชนมาหารือเพื่อหาทางออกร่วมกันว่าจะผลักดันการส่งออกจากนี้ไปอย่างไร และมีข้อเสนอแนะอะไร โดยได้นัดแล้วในวันที่ 21 เม.ย. รวมทั้งจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกทั้งหมดเพื่อมาทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ที่จะทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มากขึ้น” พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว

ขณะเดียวกัน ได้ให้ความสำคัญต่อการผลักดันการค้าชายแดน ซึ่งเป็นแผนการใช้ประโยชน์จาก AEC โดยได้ตั้งเป้าผลักดันการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านให้เพิ่มเป็น 1.5 ล้านล้านบาทในปี 2558 เพิ่มขึ้น 35% ซึ่งได้ดำเนินการตามแนวเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เริ่มจากแม่สอดโมเดล ที่จังหวัดตาก ต่อด้วยที่มุกดาหาร สระแก้ว และกำลังจะจัดอีกที่จังหวัดตราด และสงขลา

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า สำหรับแผนการทำงานในอีก 6 เดือนข้างหน้า จะเน้นการเร่งแก้ปัญหาการส่งออก การดูแลราคาสินค้าเกษตร การเตรียมความพร้อมรับการเปิด AEC และการผลักดันให้ธุรกิจ SMEs ของไทยสามารถขยายธุรกิจในเวทีระดับโลกให้มากขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น