xs
xsm
sm
md
lg

SPCG จ่อผลิตไฟเพิ่ม 200 เมกะวัตต์ ยันไตรมาส 2 ชัดเจนทั้งไทย-ตปท.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“เอสพีซีจี” ฟุ้งปีนี้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่ม 200เมกะวัตต์ หลังรุกตลาดลุยลงทุนโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มในต่างประเทศ ทั้งญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เนปาล และพม่า ส่วนในประเทศสนใจลงทุนโซลาร์สหกรณ์และโครงการค้างท่อ มั่นใจไตรมาส 2 นี้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะที่รายได้รวมในปีนี้ยังคงเป้าหมายที่ 5 พันล้านบาท พร้อมจับมือกรุงไทย สร้างวัตกรรมให้สินเชื่อครั้งแรกวงการธนาคารไทย ปล่อยกู้ติดตั้งโซล่าร์รูฟบนหลังคาบ้านผลิตไฟฟ้าช่วยชาติ

นางสาววันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) (SPCG) พร้อมด้วย นางจิรารักษ์ กุลสิงห์ ผู้อำนวยการฝ่าย บริหารฝ่ายทีมผลิตภัณฑ์ สินเชื่อบุคคล ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันแถลงข่าวความร่วมมือโครงการ "ให้สินเชื่อ เพื่อการติดตั้ง SPR Solar Roof ภาคครัวเรือน ขับเคลื่อนโครงการช่วยชาติ รอบแรก 100 ล้านบาท” ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซาลาดพร้าว ถนนวิภาวดี

นางจิรารักษ์ กล่าววว่า ธนาคารฯ ได้ร่วมมือกับเอสพีซีจี ปล่อยสินเชื่อ เพื่อการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาประเภทบ้านที่อยู่อาศัย หรือโซลารูฟ (SPR Solar Roof )โดยผู้สนใจสามารถวางเงินดาวน์ได้ 2 แบบ คือ วางเงินดาวน์ 30% ได้รับอัตราดอกเบี้ย 8.88 % และ วางเงินดาวน์ 20% อัตราดอกเบี้ย 9.99% ระยะเวลาผ่อนชำระ 8 ปี นอกจากนี้เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันอีกด้วย โดยนำรายได้จากการขายไฟฟ้า มาผ่อนชำระแก่แบงก์กรุงไทยเป็นรายเดือน

น.ส.วันดี เปิดเผยด้วยว่า ในปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 200 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการ ผลิตอยู่ 260 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเร็วกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้ว่าใน 5 ปีข้างหน้าบริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม 500 เมกะวัตต์ แต่ปีนี้บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้รวมอยู่ที่ 5 พันล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้รวม 4.4 พันล้านบาท เนื่องจากโครงการผลิตไฟฟ้าใหม่จะเข้ามาในช่วงปลายปีทำให้ยังรับรู้รายได้น้อยมาก

โดยขณะนี้บริษัทฯ มีแผนร่วมลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น กำลังผลิต 150 เมกะวัตต์ โดยจะร่วมทุนกับ Kyocera Corporation และรายอื่นๆ คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 2 นี้ รวมทั้งยังเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นและบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (IFC) เพื่อร่วมทุนโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศฟิลิปปินส์ โดยวางเป้าหมายไว้ที่ 100 เมกะวัตต์หลังจากรัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ 500 เมกะวัตต์ ราคารับซื้อไฟฟ้าประมาณ 7 บาทต่อหน่วย เป็นเวลา 25 ปี คาดว่าจะชัดเจนในไตรมาส 2/2558

นางสาววันดีกล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ ยังสนใจที่จะเข้าไปรุกธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศพม่าและเนปาลด้วย ซึ่งการลงทุนในพม่าจะเป็นการลงทุนโครงการขนาดเล็กก่อน แต่เห็นว่าพม่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพที่ดี เนื่องจากมีประชากรมากแต่กำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศอยู่ที่ 2.5 พันเมกะวัตต์เท่านั้น ส่วนเนปาลได้รับเงินอุดหนุนจากธนาคารโลกตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 30 เมกะวัตต์ โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้โครงการ

ส่วนการลงทุนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในไทยนั้น บริษัทฯ มีแผนจะร่วมลงทุนโครงการโซลาร์สหกรณ์ที่รัฐจะรับซื้อ 800 เมกะวัตต์ รวมทั้งโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ค้างท่อด้วย คาดว่าจะมีความชัดเจนในการรับซื้อไฟฟ้าในช่วงไตรมาส 2/ 2558 เนื่องจากบริษัทฯ มีกระแสเงินสดในมือเพียง 3 พันล้านบาท จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในการตัดสินใจลงทุน โดยจะเลือกโครงการที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น