เอสพีซีจีวางแผนลงทุน 5 ปี ใช้เงิน 3 หมื่นล้านบาทขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในและต่างประเทศเพิ่มเป็น 500เมกะวัตต์ แย้มสนใจร่วมทุนโครงการโซลาร์สหกรณ์และโซลาร์ฟาร์มค้างท่อในไทย ส่วนต่างประเทศเล็งญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และพม่า
นางสาววันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) (SPCG) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนลงทุน 5 ปี ใช้เงิน 3 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในและต่างประเทศเพิ่มเป็น 500 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวม 260 เมกะวัตต์
โดยจะเข้าร่วมกับสหกรณ์เพื่อขายไฟ หลังรัฐประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโซลาร์สหกรณ์ 800 เมกะวัตต์ โดยบริษัทฯ มีความพร้อมด้านการเงินที่จะเข้าไปลงทุนไม่เกิน 200 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ หากสหกรณ์ไม่มีพื้นที่เองก็จะร่วมกันซื้อที่ใหม่เพื่อยื่นข้อเสนอต่อภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างรอประกาศการรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติมหลังจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ร่างระเบียบออกมาแล้ว
“บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะลงทุนโซลาร์สหกรณ์ไม่เกิน 200 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะเป็นการกู้ และส่วนทุนจะใช้เงิน 25% ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีเงินสดในมือ 3 พันล้านบาท”
นางสาววันดีกล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ ยังสนใจที่จะเข้าลงทุนในส่วนของโครงการโซลาร์ฟาร์มค้างท่อที่รัฐบาลจะประกาศจำนวนที่เหลือเพื่อรับซื้อใหม่ที่ชัดเจนออกมาในช่วงต้นเดือน เม.ย.นี้ด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังแสวงหาโอกาสที่จะลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างทำการตรวจสอบสินทรัพย์ (due diligence) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 150 เมกะวัตต์ในญี่ปุ่น คาดว่าจะใช้เงินสดลงทุนทั้งจำนวน นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในฟิลิปปินส์ขนาด 100-200 เมกะวัตต์ และโครงการที่พม่าด้วย โดยจะพิจารณาผลตอบแทนการลงทุนที่สูงก่อนตัดสินใจลงทุน
รัฐบาลอยู่ระหว่างเตรียมประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร 800 เมกะวัตต์ โดยมีปริมาณรับซื้อที่กำลังการผลิตติดตั้งไม่เกินโครงการละ 5 เมกะวัตต์ สัญญา 25 ปี