xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” ลุยต่อดันเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว บูมการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“พาณิชย์” ลุยต่อบูมเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษด้านกัมพูชา เตรียมเซ็นเอ็มโอยูร่วมทุนตั้งโรงสีข้าว ลอจิสติกส์ และศูนย์กระจายสินค้า หวังเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนและการลงทุนระหว่างไทย-กัมพูชา พร้อมยันไม่จำเป็นต้องควบคุมสินค้า 5 รายการตามโพล เหตุราคายังเป็นปกติ   

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะผลักดันเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดสระแก้ว เพื่อขยายความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน ของไทย-กัมพูชาให้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยกำหนดวันที่ 25-27 มี.ค. 2558 จะเชิญรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชามาร่วมหารือในการทำแผนทำงานร่วมกัน หลังจากที่ได้ผลักดันความร่วมมือภายใต้เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเชื่อมไทยกับพม่า สปป.ลาว และมาเลเซียไปแล้ว

“ได้เชิญรัฐมนตรีพาณิชย์ของกัมพูชามาพูดคุยเพื่อเพิ่มความร่วมมือในการผลักดันการค้าระหว่างกันให้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยเบื้องต้นได้ตั้งเป้าที่จะเพิ่มให้ได้ปีละ 20-25% หรือทำให้ได้ประมาณ 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2558 รวมทั้งการเพิ่มความร่วมมือในการรับรองการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปลายปีนี้” 

นางอภิรดีกล่าวว่า ในการพบปะกันครั้งนี้จะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่างภาคเอกชนทั้ง 2 ประเทศจำนวน 5 คู่ คือ 1. ความร่วมมือระหว่างหอการค้าไทยและหอการค้ากัมพูชา 2. ความร่วมมือหอการค้าจังหวัดสระแก้วกับหอการค้าบันเตียเมียนเจย 3. การร่วมลงทุนโรงสีข้าว 4. การลงทุนด้านลอจิสติกส์ และ 5. การจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าในเขตเศรษฐกิจพิเศษปอยเปตโอเนียง จังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชา มูลค่า 2,500 ล้านบาท

ทั้งนี้ การลงทุนโรงสีข้าวจะเป็นการช่วยให้การผลิตข้าวของกัมพูชาดีขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อไทยในการเข้าไปช่วยทำตลาดข้าวให้กัมพูชา ส่วนการลงทุนด้านลอจิสติกส์และศูนย์กระจายสินค้าจะเป็นการเชื่อมโยงการขนส่งหลายรูปแบบ และการใช้ประโยชน์ในการส่งสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดกัมพูชาและเวียดนาม ตามเส้นทางในพื้นที่เศรษฐกิจตอนใต้ (SEC) จากกรุงเทพฯ-เสียมราฐ-สตรึงเตร็ง-รัตนคีรี (กัมพูชา)-เปอร์กุ-ฮอยอัน (เวียดนาม) และยังสามารถเชื่อมกับเส้นทางระเบียบเศรษฐกิจตะวันออก ตะวันตก เชื่อมพม่า ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งไม่เพียงแต่เชื่อมการค้าไทยกับสมาชิกอาเซียน แต่ยังเชื่อมต่อไปยังตลาดโลกได้ด้วย 

นางอภิรดีกล่าวถึงกรณีที่มีผลสำรวจอยากให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมสินค้า 5 รายการ ได้แก่ เนื้อหมู ข้าวสาร น้ำมันพืช ปุ๋ยเคมี และอาหารตามสั่งว่า กระทรวงพาณิชย์ได้มีการติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง และพบว่าทุกรายการอยู่ในภาวะทรงตัว โดยเนื้อหมูราคาเฉลี่ยกิโลกรัม (กก.) ละ 120 บาท ถูกกว่าปีก่อนที่ราคา กก.ละ 140 บาท ข้าวสาร ราคายังเป็นปกติ น้ำมันพืชก็ยังอยู่ในราคาควบคุม โดยน้ำมันปาล์มขวดลิตรละ 42 บาท ปุ๋ยเคมีก็ราคาทรงตัว และอาหารตามสั่ง ได้มีการแก้ไขปัญหา โดยร่วมมือกับห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ จัดมุมหนูณิชย์พาชิม เพื่อจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จราคา 35 บาท และยังได้เพิ่มจำนวนร้านหนูณิชย์พาชิมในพื้นที่ต่างๆ เพื่อเป็นทางเลือกในการบริโภคให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าบางสินค้าอาจมีราคาสูงขึ้นบ้าง เช่น ผักสด เพราะอากาศร้อนและแล้งไว แต่ก็มีแค่บางรายการเท่านั้น บางรายการยังมีราคาปกติ เช่น ผักชี ส่วนไข่ไก่ ขณะนี้มีราคาถูกลงมาก ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคในการบริโภคโปรตีนราคาถูก แต่กระทรวงพาณิชย์ก็ไม่ได้ทิ้งเกษตรกร โดยได้เข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาแล้ว

“ได้ลงพื้นที่สำรวจราคาสินค้าอาหารในต่างจังหวัด เช่น พิษณุโลก และสุโขทัย พบว่าราคาวัตถุดิบอยู่ในภาวะปกติ ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ ส่วนไข่ไก่ราคาถูกลง ขณะที่กับข้าวถุงก็ไม่แพง ราคาถุงละ 30 บาท อาหารปรุงสำเร็จก็ไม่แพง มีราคา 25-30 บาท ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคราคาก็ปกติ และเท่าที่ได้เยี่ยมชมร้านค้าส่งค้าปลีก พบว่ามีสินค้าหลากหลาย บางรายการต่ำกว่าราคาในโมเดิร์นเทรด จึงขอให้ผู้บริโภคฉลาดซื้อประหยัดใช้ และเลือกที่จะซื้อสินค้าจะได้ของราคาที่ไม่แพง” นางอภิรดีกล่าว 


กำลังโหลดความคิดเห็น