“พาณิชย์” ผุดไอเดียทำ “โลว์คอสต์ ดีพาร์ตเมนต์สโตร์” ร้านขายสินค้าราคาประหยัด เพิ่มทางเลือกให้ประชาชนซื้อของถูก เผยเอกชน 1 รายเสนอตัวลงทุน-บริหารจัดการเองทั้งหมด ตั้งเป้า 14 แห่งในปีนี้ และเพิ่มเป็น 142 แห่งในอีก 5 ปี พร้อมปูพรมจัดธงฟ้า-ธงฟ้าเคลื่อนที่ทั่วประเทศ 2 พันครั้ง หวังลดค่าครองชีพประชาชนให้ได้
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามผลการดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์ว่า ได้กำชับให้หน่วยงานภายในกระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการตามยุทธศาสตร์การลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน สร้างความเป็นธรรมให้ผู้บริโภค และกำกับดูแลราคาสินค้าให้เกิดความเป็นธรรมทั้งระบบ โดยล่าสุดกระทรวงพาณิชย์กำลังอยู่ระหว่างการหารือกับภาคเอกชนเพื่อเปิดห้างขายสินค้าราคาถูก หรือโลว์คอสต์ ดีพาร์ตเมนต์สโตร์ เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชน ซึ่งเบื้องต้นได้ตั้งเป้าหมายในปีนี้เปิดให้ได้ 14 แห่ง และจะขยายให้เป็น 142 แห่งภายใน 5 ปี ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ประชาชนมีทางเลือกในการซื้อสินค้าราคาประหยัด
“มีภาคเอกชนได้เสนอตัวเข้ามาช่วยเราทำโครงการนี้แล้ว โดยจะเป็นผู้ลงทุนทำเองทั้งหมด และเป็นผู้บริหารจัดการภายในร้าน ส่วนสินค้าที่จะนำมาขายภายในร้าน กระทรวงพาณิชย์จะประสานผู้ผลิตให้ส่งในราคาต้นทุนเพราะไม่ต้องทำแพกเกจจิ้งสวยงาม เป็นการลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์ แต่คุณภาพเหมือนสินค้าที่ขายในท้องตลาด หน้าร้านไม่ต้องตกแต่งสวยงามมาก เป็นการลดค่าใช้จ่ายในการตกแต่ง และยังลดค่าใช้จ่ายในทุกมิติ เพื่อให้ขายสินค้าได้ถูกจริงๆ” พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว
ทั้งนี้ ยืนยันว่าร้านค้าดังกล่าวไม่น่าจะทำให้เกิดผลกระทบต่อร้านค้าปลีกดั้งเดิม (ร้านโชวห่วย) หรือร้านสะดวกซื้ออื่นๆ เพราะต้องกำหนดพื้นที่ในการจัดตั้งโลว์คอสต์ ดีพาร์ตเมนต์สโตร์ โดยในสัปดาห์หน้าจะหารือร่วมกับภาคเอกชนถึงรายละเอียดของโครงการโลว์คอสต์ ดีพาร์ตเมนต์สโตร์ ว่าจะตั้งอยู่ที่ไหน มีสินค้าอะไรจำหน่ายในห้างบ้าง เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ช่วงสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า และห้างค้าปลีก มาขอความร่วมมือให้ปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้แก่ร้านอาหารในศูนย์อาหาร เพราะปัจจุบันได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าอาหารในห้างมีราคาแพงมาก
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ในการดูแลค่าครองชีพให้แก่ประชาชน กระทรวงพาณิชย์ยังมีแผนจัดงานธงฟ้าทั่วประเทศ และจัดรถธงฟ้าเคลื่อนที่ไปตามชุมชนแออัด ส่วนราชการ สถานที่เอกชน ตั้งเป้าหมาย 2,000 ครั้ง จะเริ่มต้นสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป รวมทั้งจะจัดทำตลาดชุมชน โดยดำเนินการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย แต่ระหว่างนี้จะพัฒนาตลาดเดิมให้เป็นตลาดชุมชน ส่งเสริมให้เกษตรกรในชุมชนนำสินค้ามาขาย และจะนำสินค้าราคาประหยัดจากโครงการธงฟ้ามาร่วมขายด้วย
นอกจากนี้ กำลังพิจารณาจัดมหกรรมสินค้าราคาถูก เช่น แคมเปญ Back to School ขายชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนในช่วงเปิดเทอม โครงการหนูณิชย์พาชิม จะส่งเสริมให้ร้านค้าอาหารเข้าร่วมโครงการมากขึ้น โดยขายอาหารจานด่วนไม่เกินเมนูละ 35 บาท และยังจะขายอาหารราคาตามฤดูกาล เช่น ถ้าไข่ถูก ก็จะมีอาหารจานเด่นที่ใช้ไข่ไก่ มาขายในราคาถูกให้แก่ประชาชน จัดโครงการรณรงค์ให้ประชาชนฉลาดซื้อประหยัดใช้ และเพิ่มจำนวนผู้บริโภคที่เป็นอาสาพาณิชย์ จากปัจจุบันมี 500 ราย เพื่อเป็นหูเป็นตาแทนกระทรวงฯ ในการดูแลราคาสินค้า และรักษาสิทธิ์ผู้บริโภค
พร้อมกันนี้ จะจัดทำโครงการลายแทงของถูก ผ่านเว็บไซต์กระทรวงพาณิชย์ เฟซบุ๊ก หรือแอปพลิเคชันโทรศัพท์มือถือ เพื่อบอกให้ประชาชนรู้ว่าจะซื้อสินค้าราคาประหยัดได้ที่ใด เพื่อเพิ่มทางเลือกในการซื้อสินค้า และจัดทำโครงการ 1569 โมบายล์ โดยจะเคลื่อนที่ไปยังชุมชน หรือสถานที่ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนร้องเรียนหากไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้น และทั่วถึงมากขึ้น
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ได้มีโอกาสพบปะหารือกับ รมว.พาณิชย์พม่า เพื่อหาลู่ทางขยายความสัมพันธ์ด้านการค้าการลงทุนระหว่างกัน โดยได้เสนอ รมว.พาณิชย์พม่าจะร่วมกันผลักดันมูลค่าการค้าการลงทุนชายแดน 2 ประเทศให้ขยายตัวได้เพิ่มขึ้น 1 เท่าในปี 2559 และยังได้เสนอให้มีการจัดตั้งกลไกการค้าระดับภาคเอกชนและระดับประเทศ พัฒนาลอจิสติกส์ชายแดน การจัดตั้งกลไกส่งเสริมการลงทุนสินค้าเกษตรอย่างครบวงจร การร่วมมือด้านการท่องเที่ยว การอำนวยความสะดวกด้านแรงงาน การสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ การพัฒนาศูนย์การค้าส่ง-ปลีก และงานด้านบริการอื่นๆ เป็นต้น