“พาณิชย์” ใช้มุกเดิม ร่วมมือห้างขายเมนูหลัก 10 เมนู ราคา 30-35 บาท ยกเว้นเดอะมอลล์-เซ็นทรัลขอขาย 40 บาท เริ่ม 10 ก.พ.นี้ และทุกสาขาของห้างทั่วประเทศไม่เกินวันที่ 17 ก.พ. ใช้ระยะเวลา 4 เดือน สังเกตได้จากป้ายหนูณิชย์พาชิม ส่วนร้านอาหารอื่นๆ ในห้างยังปล่อยให้ขายราคาเดิม บอกผู้บริโภคควรฉลาดซื้อ ประหยัดใช้ คิดให้เป็น ด้านการขอลดค่าเช่า ค่าส่วนแบ่งรายได้ไม่มีการคุย ขณะที่ร้านนอกห้างส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบต่อเนื่อง ใครเจอแพงให้ร้องมา
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ ได้แก่ เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี แม็คโคร เซ็นทรัล เดอะมอลล์ และมาบุญครอง ว่า ได้หารือถึงการร่วมมือในการแก้ไขปัญหาอาหารปรุงสำเร็จ (จานด่วน) บนห้างมีราคาแพง โดยทุกห้างได้ตกลงที่จะจัดให้มีเมนูหลักประมาณ 10 เมนู เช่น ข้าวกะเพรา ก๋วยเตี๋ยว ราดหน้า ผัดซีอิ๊ว เป็นต้น จำหน่ายในราคาเมนูละ 30-35 บาท ยกเว้นห้างเดอะมอลล์และเซ็นทรัลที่จะจำหน่ายเมนูละ 40 บาท โดยห้างที่อยู่ในกรุงเทพฯ จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. 2558 เป็นต้นไป ส่วนสาขาของห้างในต่างจังหวัดจะพร้อมจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ. 2558
“เป็นความร่วมมือของกระทรวงพาณิชย์กับห้างในการจำหน่ายอาหารราคาถูก โดยห้างจะใช้พื้นที่เดียวกันกับร้านค้าที่จำหน่ายอาหารเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ได้ไปแอบอยู่มุมใดมุมหนึ่ง คุณภาพอาหารก็เป็นปกติ ไม่ได้ปรับลดใดๆ โดยในกรุงเทพฯ จะเริ่มได้เลย แต่ในสาขาของห้างต่างจังหวัดต้องใช้เวลาในการตกแต่งสถานที่ ปรับพื้นที่บ้าง แต่โดยรวมไม่เกินวันที่ 17 ก.พ.นี้จะมีอาหารราคาถูกขายครบทุกสาขาของห้าง สังเกตได้จากป้ายหนูณิชย์ที่จะตั้งอยู่ใกล้ๆ ร้าน โดยจะใช้เวลาทั้งสิ้น 4 เดือน และหลังจากนั้นก็จะมีคุยกันใหม่ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ” พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า สำหรับร้านที่จำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จร้านอื่นๆ ที่อยู่ในห้างก็ยังคงจำหน่ายในราคาปกติเช่นเดิม เพราะถือเป็นร้านทางเลือกที่ผู้บริโภคจะต้องฉลาดซื้อ ประหยัดใช้ และใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจบริโภค เพราะร้านอาหารในห้างมีทั้งร้านแบบหรู แบบปานกลาง ร้านฟาสต์ฟูด และร้านทั่วไป
ส่วนการขอความร่วมมือให้ห้างปรับลดค่าเช่าและค่าส่วนแบ่งรายได้ที่คิดกับร้านค้าลงมาเพื่อให้ราคาอาหารปรุงสำเร็จในห้างในภาพรวมปรับลดราคาลงมานั้นไม่ได้มีการหารือกัน เพราะทางห้างได้เสนอทางเลือกมาโดยจะเพิ่มจุดจำหน่ายอาหารราคาถูก เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชน ทำให้ร้านค้าเดิมก็ยังคงอยู่ และจะมีร้านใหม่ ซึ่งเป็นทางเลือกเพิ่มเข้ามา
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ทางด้านราคาอาหารในร้านค้าทั่วไป ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในดำเนินการตรวจสอบและกำกับดูแลอย่างเต็มที่ หากพบว่าร้านค้าใดมีการจำหน่ายอาหารในราคาที่แพงเกินควรก็จะเข้าไปดำเนินการให้ทำการตรวจสอบต้นทุน มีแค่ไหน อย่างไร ถ้าพบว่าต้นทุนไม่เพิ่ม แต่ขายในราคาที่แพงเกินควร ก็จะมีโทษ เพราะมีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ยังได้สั่งการให้มีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบสถานการณ์จำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จเป็นประจำทุกวัน และขอความร่วมมือประชาชน หากพบว่ามีร้านค้าใดจำหน่ายอาหารในราคาที่แพงเกินไปก็ให้แจ้งมายังสายด่วน 1569 กระทรวงฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบ และหากพบว่าผิดจริงก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
“ในการตรวจสอบเราจะดูเหตุ ดูผล เพราะต้องระมัดระวังไม่ให้กระทบร้านค้าที่ตั้งใจทำมาหากิน ต้องดูเจตนาเป็นหลัก วันนี้อธิบดีกรมการค้าภายในก็โดนต่อว่า หาว่าไปรังแกคนทำมาหากิน” พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มทางเลือกในการบริโภคอาหารปรุงสำเร็จ กระทรวงฯ จะเพิ่มจำนวนร้านหนูณิชย์พาชิม และทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ว่ามีร้านหนูณิชย์ฯ อยู่ตรงไหนบ้าง เพื่อที่จะได้ไปบริโภค และลดค่าครองชีพในการบริโภคอาหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ในช่วงที่เคยมีปัญหาเรื่องราคาอาหารจานด่วนมีราคาแพง กระทรวงพาณิชย์ได้ใช้มาตรการในการแก้ไขปัญหา โดยกำหนดราคาเมนูแนะนำ 10 เมนู ได้แก่ ข้าวไข่เจียว ข้าวราดแกงหรือกับข้าว 1 อย่าง ข้าวไข่พะโล้ ข้าวขาหมู ข้าวกะเพราหมู ไก่ ข้าวผัดหมู-ไก่ ก๋วยเตี๋ยวหมู-ไก่ ลูกชิ้นปลา ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๊ว ขนมจีนน้ำยา แกงไก่ โดยให้ห้างจำหน่ายในราคาเมนูละ 35-40 บาท แต่ก็ดำเนินการได้ระยะเดียว หลังจากนั้นก็กลับมาขายในราคาแพงเหมือนเดิม