“จรัมพร” เผยภายใน 2 ปีบริษัทต้องระดมทุนรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาจ่ายหนี้ที่ครบกำหนดชำระ พร้อมตั้งคณะทำงาน 17 ชุดเดินเครื่องแผนฟื้นฟูให้สำเร็จตามเป้าหมายใน 2 ปี ตั้งเป้า Cabin Factor ปี 58 เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 80% โดยจะปรับโครงสร้างและรื้อระบบการทำงานของฝ่ายขายให้เสร็จใน 6-8 เดือน
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายในปี 2558 บริษัทจะต้องจัดหาเงินกู้จำนวน 15,000 ล้านบาทเพื่อนำมาชำระคืนหนี้ที่ครบกำหนด ซึ่งวิธีการจะมีหลากหลายทั้งการออกหุ้นกู้ หรือการกู้สถาบันการเงิน โดยจะทยอยดำเนินการตามช่วงเวลาที่หนี้ครบกำหนดชำระ และในปี 2559 จะต้องจัดหาเพิ่มอีกในจำนวนใกล้เคียงกันประมาณ 10,000-20,000 ล้านบาท เพื่อนำมาชำระคืนหนี้ที่ครบกำหนดเช่นกัน รวมทั้ง 2 ปีประมาณกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่ในแผน ส่วนการรับมอบเครื่องบินนั้นได้เตรียมแผนทางการเงินไว้แล้ว ตามรูปแบบการจัดหาที่มีทั้งการซื้อ ซึ่งต้องหาเงินกู้เอง, การเช่าซื้อ (Financial Lease) การเช่าดำเนินการ (Operating Lease) โดยเหลือรับมอบเครื่องบินแอร์บัส A 320/2 ลำ วงเงินประมาณ 250 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนความคืบหน้าแผนฟื้นฟูบริษัทได้รายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) การบินไทย ที่มีนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน รองประธานบอร์ด เป็นประธาน เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการตั้งคณะทำงาน 17 ชุดเพื่อทำหน้าที่ในการดำเนินการขับเคลื่อนแผนฟื้นฟูทั้ง 17 แผนย่อยให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย โดยเมื่อวันที่ 9 มีนาคมได้มีคำสั่งแต่งตั้งผู้บริหารระดับผู้อำนวยการใหญ่เป็นหัวหน้าของคณะทำงานแต่ละชุด (Project Leader) ในขณะเดียวกัน ผู้บริหารระดับรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทั้ง 9 คน และดีดีจะเข้าไปช่วยกำกับดูแลอีกชั้นหนึ่ง โดยได้มีการประชุมร่วมกับหัวหน้าแต่ละแผนเพื่อทำความเข้าใจในการขับเคลื่อนแผนไปในทิศทางเดียวกันแล้ว
ทั้งนี้ แผนฟื้นฟูการบินไทยจะใช้เวลารวม 2 ปี โดยแต่ละแผนย่อยจะทยยอยแล้วเสร็จ โดยแผนแรกคือ เรื่องการจำหน่ายเครื่องบินที่ปลดระวาง รวม 42 ลำ ภายในเดือนกรกฎาคมจะทยอยขายล็อตแรก 20 ลำ ที่เหลือจะขายภายในสิ้นปี 2558 หรือภายในต้นปี 2559
ส่วนฝ่ายขายนั้น ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารต่อเที่ยวบิน (Cabin Factor) เฉลี่ย 80% ขึ้นไป ซึ่งใกล้เคียงกับคู่แข่ง ซึ่งเชื่อว่าต้องทำได้เพราะสายการบินอื่นยังทำได้ ฝ่ายขายต้องหาวิธีการ โดยบริษัทจะมีการตั้งเป้าหมายที่มีความชัดเจน พร้อมกับหาผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มาเป็นที่ปรึกษาด้านการขาย นอกจากนี้ บริษัทจะทบทวนโครงสร้างและกระบวนการ ขั้นตอนของระบบการขายให้มีความเป็นสากลมากขึ้น ทั้งวิธีการทำงาน เครื่องมือ อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะใช้เวลา 6-8 เดือน โดยในระหว่างนี้ผู้จัดการประจำสถานี (AA) ประมาณ 30 คนที่ประจำอยู่ทั่วโลกต้องหาวิธีที่จะทำให้เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งแต่ละแห่งจะมีวิธีที่แตกต่างกันไป
นายจรัมพรกล่าวว่า ผลประกอบการด้านจำนวนผู้โดยสารในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2558 (ม.ค.-ก.พ.) ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากไม่มีสถานการณ์ภายในประเทศ โดยเฉพาะผู้โดยสารจีนที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ส่วนผู้โดยสารยุโรปที่ชะลอตัวนั้นแม้จะยังไม่กลับมาเป็นปกติแต่สถานการณ์ก็ดีขึ้น โดยประมาณการในช่วงเทศกาลสงกราตน์นี้จำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้น 4,000-8,000 คน โดยบริษัทได้เพิ่มความถี่ของเที่ยวบินไม่ต่ำกว่า 7 เที่ยวบิน ในเส้นทางภูเก็ต, เชียงใหม่, กระบี่
อย่างไรก็ตาม ปัญหาหมอกควันที่จังหวัดเชียงใหม่ในขณะนี้ได้ส่งผลต่อจำนวนผู้โดยสารที่ลดลง ซึ่งบริษัทได้ปรับลดขนาดเครื่องบินให้สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารและเชื่อว่าผู้โดยสารจะกลับมาช่วงสงกรานต์