เอเจนซีส์ – ตำรวจจีนจับผู้โดยสาร 25 คนที่ช่วยกันเปิดประตูฉุกเฉิน 3 บานขณะที่เครื่องเตรียมทะยานขึ้น เนื่องจากไม่พอใจที่ต้องแกร่วรอนานหลายชั่วโมงเพราะหิมะตกหนัก ถือเป็นกรณีล่าสุดที่ฟ้องพฤติกรรมพาลพาโลของนักเดินทางแดนมังกร
หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ฉบับวันอาทิตย์ (11) รายงานโดยอ้างสื่อทางการจีนว่า ขณะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เครื่องบินของสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลนส์ ลำนั้นกำลังแล่นอยู่ในลานบินเพื่อเตรียมทะยานขึ้น และผู้โดยสารแสดงพฤติกรรมดังกล่าวภายหลังพวกเขาบางคนโต้เถียงกับนักบินผู้ช่วย
ตำรวจนำตัวผู้โดยสาร 25 คนที่ก่อเหตุในเที่ยวบินช่วงคุนหมิง-ปักกิ่ง ไปสอบสวน และภายหลังได้สั่งใช้อำนาจบริหาร ทำการกักขังผู้โดยสาร 1 คนและไกด์ทัวร์ 1 คนนาน 15 วัน ข้อหาเปิดประตูเครื่องบินและใช้ข้อมูลเท็จปลุกปั่นผู้โดยสารคนอื่นๆ
ทั้งนี้ หิมะและฝนเป็นสาเหตุทำให้เที่ยวบินเอ็มยู 2036 ต้องล่าช้าถึง 3 ชั่วโมงก่อนที่จะสามารถออกจากสนามบินกรุงธากา ในบังคลาเทศ ไปถึงคุนหมิงเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (9) และเตรียมบินต่อสู่จุดหมายปลายทางที่ปักกิ่งต่อไป
สำนักข่าวไชน่า นิวส์ เซอร์วิสรายงานว่า ผู้โดยสารบางคนที่จะเดินทางต่อไปปักกิ่งเริ่มโวยวายหลังจากรู้ว่า เที่ยวบินต้องล่าช้าอีกกว่า 2 ชั่วโมง จากกำหนดเดิมในการออกเดินทางสู่ปักกิ่ง 20.45 น. เป็นประมาณ 23.00 น.
บางคนไม่ยอมกลับขึ้นเครื่องและเรียกร้องค่าชดเชย แต่ภายหลังก็เปลี่ยนใจกลับขึ้นเครื่องเมื่อเวลา 1.40 น. ของวันเสาร์ (10)
อย่างไรก็ดี ผู้โดยสารเริ่มเอะอะโวยวาย รวมทั้งใช้ “ถ้อยคำรุนแรง” เมื่อเจ้าหน้าที่สนามบินใช้เวลาเคลียร์หิมะจากเครื่องบินนานกว่าชั่วโมง และพอเครื่องเริ่มเคลื่อนไปบนลานบินหลังจากได้รับอนุญาตให้ขึ้นบินเมื่อเวลา 3.17 น. หรือเกือบ 7 ชั่วโมงจากตารางบิน ผู้โดยสารเหล่านี้ก็ช่วยกันเปิดประตูฉุกเฉิน 3 บาน ทำให้นักบินต้องนำเครื่องกลับไปที่ประตูทางออกขึ้นเครื่องของสนามบิน
ผู้โดยสารบางคนเปิดเผยกับสำนักข่าวซินหวาว่า ผู้โดยสารกังวลว่า ผู้ช่วยนักบินจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้หลังจากสบถและสาปแช่งผู้โดยสาร
รายงานบางชิ้นอ้างอิงโพสต์บนเว็บเว่ยโป๋ที่ต่อมาถูกลบออก ซึ่งสาธยายการโต้เถียงเผ็ดร้อนระหว่างนักบินกับผู้โดยสาร
ข้อความในโพสต์เล่าว่า ระบบปรับอากาศบนเครื่องบินถูกปิดเมื่อเวลาประมาณ 3.00 น. วันเสาร์ ทำให้ผู้โดยสารบางคนหายใจไม่ออกและขอออกจากเครื่องเพื่อไปสูดอากาศบริสุทธิ์ แต่ถูกลูกเรือปฏิเสธ หลังจากนั้นนักบินตะโกนว่า “จะตายแล้วหรือไง ถ้ายัง ก็นั่งรอเฉยๆ”
หลังจากนั้นไม่นาน เครื่องก็ออกแล่น ทำให้ผู้โดยสารที่ไม่ทันตั้งตัวบางคนล้มลง
ด้านสำนักข่าวซินหวารายงานว่า เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กว้างขวางบนสื่อสังคมจีน
ฟ่าน ข่าย บรรณาธิการนิตยสารการบินฉบับหนึ่ง โพสต์ในไมโครบล็อกส่วนตัวตั้งคำถามว่า หลังจากปล่อยให้รอนานหลายชั่วโมง สายการบินมีมาตรการใดๆ เพื่อคลี่คลายคลายความไม่พอใจของผู้โดยสารหรือไม่
อย่างไรก็ดี หลายคนเชื่อว่า วิธีการที่ผู้โดยสารใช้ไม่เหมาะสม เช่น หลี่ เฉิงเว่ย นักกฎหมายของบริษัทกฎหมายแห่งหนึ่งที่ระบุว่า การเปิดประตูฉุกเฉินเป็นการกระทำที่อันตรายมาก “จริงอยู่ผู้โดยสารสามารถปกป้องสิทธิของตนเอง แต่ไม่ควรแลกด้วยความปลอดภัยของผู้อื่น”
ขณะที่รายงานจากสื่อของทางการจีนระบุว่า ลูกเรือทุกคนปฏิบัติตามกระบวนการ และไม่ได้ใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสม
ทั้งนี้ ความมั่งคั่งของจีนกระตุ้นการเติบโตของการเดินทางทางอากาศในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่ขณะเดียวกัน สนามบินหลายแห่งมีปัญหาสะสมทำให้เกิดความล่าช้าบ่อยครั้ง รวมทั้งพฤติกรรมพาลพาโลของผู้โดยสารก็มีให้เห็นบ่อยขึ้น
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่ถึง 1 เดือน หลังจากที่ชายจีนคนหนึ่งเปิดประตูฉุกเฉินก่อนที่เครื่องจะเหินขึ้นเพื่อ “สูดอากาศบริสุทธิ์”
นอกจากนี้เมื่อเดือนที่แล้ว เที่ยวบินจากไทยสู่จีนของสายการบินโลว์คอสต์แห่งหนึ่งยังจำเป็นต้องวกเครื่องกลับหลังจากผู้โดยสารจีนสาดน้ำร้อนใส่พนักงานต้อนรับบนเครื่อง
สื่อของทางการจีนประณามผู้โดยสารที่มีพฤติกรรมน่ารังเกียจเหล่านั้นว่า “ป่าเถื่อน” โดยหนึ่งในนั้นขู่ระเบิดเครื่องบินเนื่องจากไม่พอใจการจัดที่นั่งบนเครื่อง
ย้อนกลับไปในปี 2013 เกิดเหตุวุ่นวายในสนามบินคุนหมิง หลังจากผู้โดยสารซึ่งโกรธเกรี้ยวหลายพันคน ที่ต้องติดค้างในสนามบินข้ามวันเนื่องจากมีหมอกหนาทำให้เที่ยวบินล่าช้า ไดเโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่สายการบิน และทำลายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของสายการบินจนตำรวจต้องเข้าระงับเหตุ
และหนึ่งปีก่อนหน้านั้น สายการบินที่บรรทุกผู้โดยสาร 200 คนจากซูริคมุ่งหน้าสู่ปักกิ่งต้องหันหัวกลับ หลังจากผู้โดยสารจีน 2 คนเปิดศึกกันบนเครื่อง
หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ฉบับวันอาทิตย์ (11) รายงานโดยอ้างสื่อทางการจีนว่า ขณะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เครื่องบินของสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลนส์ ลำนั้นกำลังแล่นอยู่ในลานบินเพื่อเตรียมทะยานขึ้น และผู้โดยสารแสดงพฤติกรรมดังกล่าวภายหลังพวกเขาบางคนโต้เถียงกับนักบินผู้ช่วย
ตำรวจนำตัวผู้โดยสาร 25 คนที่ก่อเหตุในเที่ยวบินช่วงคุนหมิง-ปักกิ่ง ไปสอบสวน และภายหลังได้สั่งใช้อำนาจบริหาร ทำการกักขังผู้โดยสาร 1 คนและไกด์ทัวร์ 1 คนนาน 15 วัน ข้อหาเปิดประตูเครื่องบินและใช้ข้อมูลเท็จปลุกปั่นผู้โดยสารคนอื่นๆ
ทั้งนี้ หิมะและฝนเป็นสาเหตุทำให้เที่ยวบินเอ็มยู 2036 ต้องล่าช้าถึง 3 ชั่วโมงก่อนที่จะสามารถออกจากสนามบินกรุงธากา ในบังคลาเทศ ไปถึงคุนหมิงเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (9) และเตรียมบินต่อสู่จุดหมายปลายทางที่ปักกิ่งต่อไป
สำนักข่าวไชน่า นิวส์ เซอร์วิสรายงานว่า ผู้โดยสารบางคนที่จะเดินทางต่อไปปักกิ่งเริ่มโวยวายหลังจากรู้ว่า เที่ยวบินต้องล่าช้าอีกกว่า 2 ชั่วโมง จากกำหนดเดิมในการออกเดินทางสู่ปักกิ่ง 20.45 น. เป็นประมาณ 23.00 น.
บางคนไม่ยอมกลับขึ้นเครื่องและเรียกร้องค่าชดเชย แต่ภายหลังก็เปลี่ยนใจกลับขึ้นเครื่องเมื่อเวลา 1.40 น. ของวันเสาร์ (10)
อย่างไรก็ดี ผู้โดยสารเริ่มเอะอะโวยวาย รวมทั้งใช้ “ถ้อยคำรุนแรง” เมื่อเจ้าหน้าที่สนามบินใช้เวลาเคลียร์หิมะจากเครื่องบินนานกว่าชั่วโมง และพอเครื่องเริ่มเคลื่อนไปบนลานบินหลังจากได้รับอนุญาตให้ขึ้นบินเมื่อเวลา 3.17 น. หรือเกือบ 7 ชั่วโมงจากตารางบิน ผู้โดยสารเหล่านี้ก็ช่วยกันเปิดประตูฉุกเฉิน 3 บาน ทำให้นักบินต้องนำเครื่องกลับไปที่ประตูทางออกขึ้นเครื่องของสนามบิน
ผู้โดยสารบางคนเปิดเผยกับสำนักข่าวซินหวาว่า ผู้โดยสารกังวลว่า ผู้ช่วยนักบินจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้หลังจากสบถและสาปแช่งผู้โดยสาร
รายงานบางชิ้นอ้างอิงโพสต์บนเว็บเว่ยโป๋ที่ต่อมาถูกลบออก ซึ่งสาธยายการโต้เถียงเผ็ดร้อนระหว่างนักบินกับผู้โดยสาร
ข้อความในโพสต์เล่าว่า ระบบปรับอากาศบนเครื่องบินถูกปิดเมื่อเวลาประมาณ 3.00 น. วันเสาร์ ทำให้ผู้โดยสารบางคนหายใจไม่ออกและขอออกจากเครื่องเพื่อไปสูดอากาศบริสุทธิ์ แต่ถูกลูกเรือปฏิเสธ หลังจากนั้นนักบินตะโกนว่า “จะตายแล้วหรือไง ถ้ายัง ก็นั่งรอเฉยๆ”
หลังจากนั้นไม่นาน เครื่องก็ออกแล่น ทำให้ผู้โดยสารที่ไม่ทันตั้งตัวบางคนล้มลง
ด้านสำนักข่าวซินหวารายงานว่า เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กว้างขวางบนสื่อสังคมจีน
ฟ่าน ข่าย บรรณาธิการนิตยสารการบินฉบับหนึ่ง โพสต์ในไมโครบล็อกส่วนตัวตั้งคำถามว่า หลังจากปล่อยให้รอนานหลายชั่วโมง สายการบินมีมาตรการใดๆ เพื่อคลี่คลายคลายความไม่พอใจของผู้โดยสารหรือไม่
อย่างไรก็ดี หลายคนเชื่อว่า วิธีการที่ผู้โดยสารใช้ไม่เหมาะสม เช่น หลี่ เฉิงเว่ย นักกฎหมายของบริษัทกฎหมายแห่งหนึ่งที่ระบุว่า การเปิดประตูฉุกเฉินเป็นการกระทำที่อันตรายมาก “จริงอยู่ผู้โดยสารสามารถปกป้องสิทธิของตนเอง แต่ไม่ควรแลกด้วยความปลอดภัยของผู้อื่น”
ขณะที่รายงานจากสื่อของทางการจีนระบุว่า ลูกเรือทุกคนปฏิบัติตามกระบวนการ และไม่ได้ใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสม
ทั้งนี้ ความมั่งคั่งของจีนกระตุ้นการเติบโตของการเดินทางทางอากาศในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่ขณะเดียวกัน สนามบินหลายแห่งมีปัญหาสะสมทำให้เกิดความล่าช้าบ่อยครั้ง รวมทั้งพฤติกรรมพาลพาโลของผู้โดยสารก็มีให้เห็นบ่อยขึ้น
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่ถึง 1 เดือน หลังจากที่ชายจีนคนหนึ่งเปิดประตูฉุกเฉินก่อนที่เครื่องจะเหินขึ้นเพื่อ “สูดอากาศบริสุทธิ์”
นอกจากนี้เมื่อเดือนที่แล้ว เที่ยวบินจากไทยสู่จีนของสายการบินโลว์คอสต์แห่งหนึ่งยังจำเป็นต้องวกเครื่องกลับหลังจากผู้โดยสารจีนสาดน้ำร้อนใส่พนักงานต้อนรับบนเครื่อง
สื่อของทางการจีนประณามผู้โดยสารที่มีพฤติกรรมน่ารังเกียจเหล่านั้นว่า “ป่าเถื่อน” โดยหนึ่งในนั้นขู่ระเบิดเครื่องบินเนื่องจากไม่พอใจการจัดที่นั่งบนเครื่อง
ย้อนกลับไปในปี 2013 เกิดเหตุวุ่นวายในสนามบินคุนหมิง หลังจากผู้โดยสารซึ่งโกรธเกรี้ยวหลายพันคน ที่ต้องติดค้างในสนามบินข้ามวันเนื่องจากมีหมอกหนาทำให้เที่ยวบินล่าช้า ไดเโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่สายการบิน และทำลายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของสายการบินจนตำรวจต้องเข้าระงับเหตุ
และหนึ่งปีก่อนหน้านั้น สายการบินที่บรรทุกผู้โดยสาร 200 คนจากซูริคมุ่งหน้าสู่ปักกิ่งต้องหันหัวกลับ หลังจากผู้โดยสารจีน 2 คนเปิดศึกกันบนเครื่อง