เอเจนซี - สื่อจีนรายงาน (14 ธ.ค.) ว่าทางการจีนให้คำมั่นดำเนินคดีและลงโทษสถานหนัก ผู้โดยสารจีนที่สาดน้ำร้อนใส่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน และก่อความวุ่นวายจนเป็นเหตุให้เครื่องบินเที่ยวบิน FD9101 สายการบินแอร์เอเชีย ระหว่างกรุงเทพฯไปยังนครหนันจิง (หรือนานกิง) ต้องนำเครื่องกลับมายังกรุงเทพฯ แม้ในขณะนั้น เครื่องบินบินไปได้ครึ่งทางระหว่างกรุงเทพฯ-หนันจิงแล้ว
สำนักงานการท่องเที่ยวจีน แถลงเมื่อวันเสาร์ที่ 13 ธ.ค. ว่า นักท่องเที่ยวจีนที่ก่อเหตุวุ่นวายขัดขวางการบินและทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นการกระทำที่เลวร้ายและทำลายภาพลักษณ์ประชาชนจีน สมควรรับโทษสถานหนัก
นอกจากนั้น สำนักงานการท่องเที่ยวฯ ยังจะลงโทษบริษัททัวร์ที่พานักท่องเที่ยวจีนไป แต่ไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมของลูกทัวร์ได้ด้วย
ทั้งนี้ คำแถลงของสำนักงานฯ เป็นหนึ่งในความพยายามแก้ปัญหานักท่องเที่ยวจีน หลังจากเกิดเหตุการณ์อันนำความเสื่อมเสียมาให้ชาติหลายต่อหลายครั้งจากพฤติกรรมของเหล่านักท่องเที่ยวจีน ซึ่งแม้แต่ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง เมื่อครั้งที่เดินทางไปยังมัลดีฟ ยังได้ออกมากล่าวเตือนนักท่องเที่ยวจีนให้ดูแลกิริยามารยาทอีกทั้งกำชับทิ้งขยะเป็นที่เป็นทาง ขณะที่เหตุการณ์ครั้งนี้มีข้อความเล่าเหตุการณ์ของชาวเน็ตคนหนึ่ง ที่ดูเหมือนเป็นผู้โดยสารบนเที่ยวบินเจ้ากรรมดังกล่าว ซึ่งเล่ารายละเอียดว่า
“…ชายหญิงชาวหนันจิง วัยกว่า 20 ปี ดูเหมือนเป็นผัวเมียกัน ความวุ่นวายเริ่มขึ้นเมื่อ...ทั้งคู่ไม่ได้ที่นั่งติดกัน ก็ตระโกนเรียกแอร์โฮสเตสมาจัดการเปลี่ยนที่นั่งให้เรียบร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนยังไม่พอใจ
เมื่อแอร์โฮสเตสเสริฟอาหารเย็น บนเที่ยวบินมีบริการอาหารตามสั่ง ซึ่งผู้โดยสารต้องจ่ายเงินเพิ่ม ในเมนูอาหารตามสั่ง มีบะหมี่สำเร็จรูปราคา 100 บาท ผู้โดยสารหญิงที่มีปัญหาที่นั่งคนดังกล่าวต้องการกินบะหมี่สำเร็จรูป ก็ควักบะหมี่สำเร็จรูปของตัวเองออกมา บอกให้แอร์โฮสเตสเอาน้ำร้อนมาให้ และเกิดอะไรขึ้นไม่รู้...หญิงจีนถือบะหมี่ที่ใส่น้ำร้อนต้มแล้ว ไปสาดใส่แอร์โฮสเตสชาวไทย
จากนั้น ฝ่ายชายก็ตะโกนว่าจะระเบิดเครื่องบิน ผู้โดยสารหลายคนเข้าไปห้ามปราม เมื่อฝ่ายชายสงบสติอารมณ์ลง ฝ่ายหญิงก็ตะโกนว่าจะกระโดดเครื่องบิน ผู้คนเข้าไปห้ามปรามแต่ก็เอาไม่อยู่ นักบินจึงนำเครื่องกลับกรุงเทพฯ
เมื่อฝ่ายหญิงลงจากเครื่องบิน ก็นอนกับพื้น แต่ตำรวจก็มานำตัวเธอไป..”