กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ช่วยคนไทยไม่โดนหลอก เพิ่มลูกเล่นใหม่ในแอปพลิเคชัน DBD e-Service ตรวจได้ทันทีผ่านมือถือ บริษัทไหนเสี่ยง ควรเลี่ยงทำธุรกิจ หรือควรระวังหากถูกชวนให้ร่วมทำธุรกิจ หลังเปิดให้บริการตรวจเช็กข้อมูลนิติบุคคลมาแล้วปีกว่า ยอดใช้บริการพุ่งทะลุ 3.34 แสนครั้ง พร้อมคุมเข้มจดตั้งธุรกิจขายตรง การตลาดแบบตรง ป้องกันเข้ามาทำธุรกิจหลอกลวง
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ทำการพัฒนาและเพิ่มรายละเอียดในโปรแกรมตรวจสอบข้อมูลทั่วไปของนิติบุคคล DBD e-Service ซึ่งเป็นโมบาย แอปพลิเคชัน ของกรมฯ ให้มีความทันสมัย และทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจให้มากขึ้น โดยจะเพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องระมัดระวังในการทำธุรกิจกับบริษัทที่มีความเสี่ยงเข้ามา เพื่อเป็นข้อมูลให้แก่ผู้ที่คิดจะทำธุรกิจกับบริษัทนั้นๆ และเป็นข้อมูลให้แก่ประชาชนเพื่อป้องกันปัญหาการถูกหลอกลวง
ทั้งนี้ ข้อมูลที่จะเพิ่มเติมในแอปพลิเคชัน จะใส่รายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทที่มีความเสี่ยง ได้แก่ บริษัทที่มีทุนจดทะเบียนสูงจนเกินไป ทั้งๆ ที่การทำธุรกิจอาจจะไม่ต้องใช้เงินทุนสูงขนาดนั้น บริษัทที่กำหนดทุนจดทะเบียนไว้สูงเพื่อให้เกิดการเข้าใจผิดว่าบริษัทมีความมั่นคง แต่ไม่ได้มีการใส่เงินเข้าไปจริง บริษัทที่ไม่นำส่งงบการเงินประจำปี บริษัทที่มีปัญหากรณีที่กรมฯ เรียกสอบบัญชี แต่ไม่ให้ความร่วมมือ และบริษัทที่สถานที่ตั้งมีปัญหา ตรวจสอบไม่ได้ หรือที่ตั้งไม่ตรงตามที่ระบุไว้
“เมื่อใส่รายชื่อบริษัทเข้าไปในแอปฯ ของกรมฯ ถ้าเป็นบริษัทที่มีปัญหาก็จะมีรายละเอียดเด้งเตือนขึ้นมาเลย คนที่คิดจะทำธุรกิจกับบริษัทนี้ก็ขอให้พึงระวังเอาไว้ หรือถ้าเป็นประชาชนทั่วไป หากมีบริษัทที่มีความเสี่ยงดังกล่าวมาชักชวนให้เข้าร่วมทำธุรกิจ ก็ต้องระวัง เพราะอาจจะถูกหลอกลวงได้” น.ส.ผ่องพรรณ กล่าว
น.ส.ผ่องพรรณ กล่าวว่า ปัญหาที่กรมฯ ตรวจสอบพบในช่วงที่ผ่านมา เช่น บางบริษัทแจ้งว่ามีทุนจดทะเบียนเป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสนล้านบาท ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ ก็ประเมินได้ว่ามีเจตนาในการทำธุรกิจที่ไม่ปกติ หรือบางบริษัทตั้งขึ้นมา แต่หาสถานที่ตั้งจริงไม่ได้ ติดต่อไม่ได้ ก็ไม่ควรที่จะทำธุรกิจกับบริษัทนั้นๆ หรือบางบริษัทมีปัญหาในการทำธุรกิจที่หลอกลวง และปรากฏข้อร้องเรียนตามสื่อ เช่น ธุรกิจขายตรง ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ กรมฯ ก็จะเข้าไปตรวจสอบ และแจ้งเตือนผ่านแอปฯ ด้วย
สำหรับแอปพลิเคชัน DBD e-Service กรมฯ ได้เปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.2557 โดยสามารถเข้าไปดาวน์โหลดแอปฯ ได้ทั้งระบบปฏิบัติการไอโอเอส และแอนดรอยด์ผ่านกูเกิลเพย์และแอปสโตร์ สามารถใช้บริการงานต่างๆ ของกรมฯ ผ่านมือถือ ซึ่งใช้ตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคล สถานที่ตั้ง กรรมการบริษัท ทุนจดทะเบียน เพื่อให้ทราบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบริษัทนั้นๆ และใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจทำธุรกิจ หรือติดต่อค้าขาย และยังสามารถติดตามข่าวสารของกรมฯ ผ่านแอปฯ ดังกล่าวได้ด้วย โดยล่าสุด มีผู้ใช้บริการระบบแล้วรวม 334,001 ครั้ง
น.ส.ผ่องพรรณ กล่าวอีกว่า กรมฯ ยังมีแผนที่จะป้องกันไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากบริษัทที่มีความเสี่ยงในการทำธุรกิจ หรือบริษัทที่ทำธุรกิจหลอกลวงประชาชน เช่น ธุรกิจขยายตรง และการตลาดแบบตรง โดยได้กำหนดให้ผู้ที่จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจขายตรง และการตลาดแบบตรง ต้องแสดงบัตรประชาชน และทะเบียนบ้าน เอกสารแสดงฐานะทางการเงินที่ธนาคารออกให้ของหุ้นส่วน และผู้ถือหุ้นทุกคน เพื่อตรวจสอบว่ามีการลงทุนทำธุรกิจจริง และต้องมีหนังสือยินยอมจากเจ้าของอาคารที่ใช้เป็นที่ตั้งบริษัทด้วย ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง จะไม่รับจดทะเบียนให้ และเมื่อได้รับจดทะเบียนบริษัทแล้ว ก็ต้องนำหลักฐานไปขออนุญาตต่อสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) อีกครั้งถึงจะทำธุรกิจได้
ส่วนบริษัทขายตรง และการตลาดแบบตรงที่ได้รับการจดทะเบียนแล้ว ก็เน้นการตรวจสอบบริษัทที่มีปัญหา โดยเฉพาะบริษัทที่มีประชาชนร้องเรียนมาก โดยจะเข้าไปตรวจสอบการส่งงบการเงิน สถานที่ตั้งของธุรกิจ หากพบว่า มีความผิดปกติก็จะแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังในการเข้าร่วมทำธุรกิจในทันที
นอกจากนี้ ในการดูแลการจดทะเบียนทำธุรกิจ หากบริษัทที่มาจดตั้งใหม่มีทุนจดทะเบียนเกิน 5 ล้านบาท จะต้องแสดงหลักฐานเงินทุนเข้าบริษัทภายใน 15 วันต่อกรมฯ เพื่อป้องกันการจดทะเบียนเงินทุนไว้สูงๆ แต่ไม่มีเงินเข้าจริง โดยปัจจุบันพบว่ามี 30-40 บริษัท ที่มีทุนจดทะเบียนสูงผิดปกติ ซึ่งกรมฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบบริษัทแล้ว รวมทั้งเรียกสอบบัญชี และประสานกรมสรรพากรเข้าไปตรวจสอบด้วย เพราะบริษัทเหล่านี้บางแห่งไม่ส่งงบการเงิน บางแห่งมีที่ตั้งที่เดียวกัน จึงมีความเป็นห่วงว่าจะตั้งขึ้นมาเพื่อทำธุรกิจหลอกลวง