“ไออาร์พีซี” ชี้ กบข.ขายหุ้น 4% ไม่กระทบต่อการบริหารงาน เผยปีนี้ผลดำเนินงานดีขึ้นจากปีก่อน จากค่าการกลั่นรวมเฉลี่ยสูงกว่า 7.6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล รับรู้มาร์จิ้นจากโครงการ UHV แล้วเสร็จไตรมาส3/58 เตรียมลงทุนโครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพลดการใช้เชื้อเพลิง คาดได้ข้อสรุปผลศึกษาในปลายปีนี้
นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) กล่าวถึงกรณีที่กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ขายหุ้นไออาร์พีซีที่ถืออยู่จำนวน 880 ล้านหุ้น ราคาขายหุ้นละ 4.16 บาท จากราคาต้นทุนหุ้นละ 3.30 บาทว่า การขายหุ้นไออาร์พีซีของ กบข.นี้คิดเป็นสัดส่วน 4% ของทุนจดทะเบียน เชื่อมั่นว่าไม่มีผลกระทบต่อการบริหารงาน เนื่องจากเป็นการขายให้หลายรายไม่ใช่เพียงรายเดียว ส่วนจะเป็นใครนั้นคาดว่าจะทราบหลังจากปิดสมุดทะเบียนหุ้นในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ กบข.เข้ามาถือหุ้นในบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ตามแผนฟื้นฟูกิจการหนี้ไออาร์พีซีที่ได้รับความเห็นชอบจากศาลล้มละลายกลางเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2547 โดยโครงสร้างการถือหุ้นไออาร์พีซี ประกอบด้วย ปตท. ถือหุ้น 7,869.69 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 38.51% ธนาคารออมสินถือหุ้น 1,950 ล้านหุ้น หรือ 9.54% และ กบข.ถือหุ้น 1,183.79 ล้านหุ้น หรือ 5.79%
นายสุกฤตย์กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะมีผลดำเนินงานที่ดีกว่าปีก่อนโดยเฉพาะความสามารถในการทำกำไร เนื่องจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปปรับลดราคาช้ากว่าน้ำมันดิบทำให้มีมาร์จิ้นดี และคาดว่าจะมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันหากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกสูงกว่า 53 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล รวมทั้งรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ที่จะแล้วเสร็จในปีนี้ และต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบที่ลงด้วย
โดยปีนี้ค่าการกลั่นรวมเฉลี่ย (GIM) จะสูงกว่าปีที่แล้วซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 7.6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ทั้งนี้ โครงการปรับปรุงคุณภาพการผลิตสู่ผลิตภัณฑ์สะอาด (UHV) ภายใต้โครงการฟินิกซ์ คาดว่าในไตรมาส 3 นี้จะแล้วเสร็จ ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรอีก 2-3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หรือคิดเป็นเงินปีละ 4-6 พันล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้เพิ่มอย่างเต็มที่ในปี 2559
โครงการ UHV จะทำให้โรงกลั่นน้ำมันไออาร์พีซีสามารถเดินเครื่องกลั่นได้เต็มที่ 2 แสนบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันกลั่นอยู่ 1.8 แสนบาร์เรล/วัน ทำให้มีกำลังผลิตโพรพิลีนเพิ่มขึ้นเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในโครงการขยายกำลังผลิตโพลีโพรพิลีนเพิ่ม 3 แสนตัน/ปี คาดว่าโครงการนี้จะแล้วเสร็จในปี 2560 ช่วยเพิ่มมาร์จิ้นได้อีก 0.50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
นายสุกฤตย์กล่าวต่อไปว่า หลังจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่แล้วเสร็จ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้เชื้อเพลิงในกระบวนการผลิตทั้งระบบ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าจะมีความชัดเจนในปลายปีนี้
สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมัน ทางกลุ่ม ปตท.คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบดูไบในช่วงครึ่งปีแรกนี้จะอยู่ 50-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และครึ่งปีหลังราคาจะฟื้นตัวมาอยู่ระดับ 60-70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากแนวโน้มการผลิต Shale oil ปีนี้ผลิตเพิ่มขึ้น 8 แสนบาร์เรล ลดลงมากจากปีที่แล้วมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นราว 1.5 ล้านบาร์เรล
จากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่คาดว่าจะสูงขึ้นในอนาคต ทำให้บริษัทมีแผนจะสต๊อกน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 5 แสนบาร์เรล จากปีก่อนที่ได้มีการลดการเก็บสต๊อกน้ำมันเหลือเพียง 7 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นแนวทางการบริหารสต๊อกน้ำมันไม่ให้ได้รับผลกระทบเหมือนในปี 2551 ที่มีการเก็บสต๊อกสูงถึง 10 ล้านบาร์เรล
วันนี้ (25 ก.พ.) บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) จับมือกับ บริษัท บูลไล้ท์ อุตสาหกรรม จำกัด ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์กระเป๋าเดินทางจากเม็ดพลาสติกผสมยางธรรมชาติ (Green ABS) เป็นครั้งแรกของโลกภายใต้แบรนด์ คาจิโอนี่ (CAGGIONI) ที่มีคุณสมบัติทนทาน รับแรงกระแทกได้ดี และมีน้ำหนักเบา ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ในเดือน มี.ค.นี้
โดยเม็ดพลาสติก Green ABS ที่ผลิตเป็นกระเป๋าเดินทางครั้งนี้มีส่วนผสมของยางธรรมชาติในสัดส่วน 2% ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีการผลิตเม็ดพลาสติก Green ABS 6,400 ตัน/ปี คิดเป็นปริมาณการใช้เนื้อยางธรรมชาติ 130 ตัน/ปี โดยไออาร์พีซีมีแผนจะพัฒนาเม็ดพลาสติก Green ABS ให้มีส่วนผสมของยางธรรมชาติในสัดส่วน 8% ในอนาคต
