“เซ็นทรัลกรุ๊ป” ทุ่มงบลงทุนปี 58 รวม 40,000 ล้านบาท คาดรายได้รวมปีนี้ 286,680 ล้านบาท โต 15% ส่วนปี 57 โกยรายได้รวม 249,548 ล้านบาท โต 6.6% มั่นใจเศรษฐกิจไทยปีนี้ไปได้ดี แต่หวั่นปัจจัยลบการเมืองระหว่างประเทศ พร้อมโหมหนักลงทุนในยุโรป ส่วนอาเซียนลงทุนปกติ ซุ่มเจรจาซื้อกิจการต่อเนื่อง
นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนของกลุ่มเซ็นทรัลในปี 2558 ว่า วางงบลงทุนรวมปีนี้ไว้ที่ 40,000 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 286,680 ล้านบาท หรือเติบโต 15% ขณะที่ปี 2557 สามารถทำรายได้รวมที่ 249,548 ล้านบาท เติบโต 6.6% จากปี 2556 ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมของปี 2557 ตั้งไว้ที่ 267,000 ล้านบาท หวังเติบโต 14% ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้รายได้รวมต่ำกว่าเป้าหมายคือ ปัญหาการเมืองไทยในประเทศช่วงครึ่งปีแรกปีที่แล้วที่ยังมีความวุ่นวายส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ แต่มาดีในช่วงครึ่งปีหลัง
อย่างไรก็ตาม นายทศ มองว่าสถานการณ์โดยรวมทางเศรษฐกิจปีนี้น่าจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว กำลังซื้อหวังว่าจะดีขึ้นถ้าหากรัฐบาลเดินหน้าตามแผนงานทุกอย่างที่วางไว้ ซึ่งดูจากช่วงตรุษจีนที่ผ่านมาการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคก็ดีขึ้น นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นกว่า 40% รวมไปถึงการเปิดเออีซีในปีนี้น่าจะเป็นการทำให้เศรษฐกิจเจริญต่อเนื่อง ภาครัฐบาลลงทุนมากขึ้น การค้าชายแดนเติบโตต่อเนื่อง
“ส่วนปัจจัยลบในปีนี้น่าเป็นห่วงเรื่องสถานการณ์ในต่างประเทศมากกว่า เช่น ในรัสเซียที่มีปัญหา ปัญหาการเมืองเศรษฐกิจของหลายประเทศในตอนนี้มีความไม่แน่นอนสูงมากกว่าเดิม ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองระหว่างประเทศมีความเสี่ยงสูง”
แผนการลงทุนปีนี้ของเราก็จะคล้ายกับที่ผ่านมาคือ โครงการลงทุนใหม่ๆ ใช้งบมากกว่า 90% ของเก่า 10% ซึ่งปีนี้มีปรับปรุงใหญ่คือเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และ เซ็นทรัล บางนา ส่วนการลงทุนหลักนั้นเพื่อใช้ในการลงทุนโครงการใหม่ การก่อสร้าง การซื้อที่ดิน และการซื้อกิจการและควบรวมกิจการ หรือเทกโอเวอร์ทั้งในและต่างประเทศเป็นหลัก
สำหรับการเข้าซื้อกิจการนั้น นายทศ กล่าวว่า มีการเจรจาอยู่ตลอดเวลา แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าดีลไหนจะเสร็จเมื่อไร หรือดีลอะไรกันอยู่ ไม่สามารถเปิดเผยได้ รอให้เสร็จก่อนจึงจะเปิดเผยได้ ซึ่งตอนนี้มีหลายดีลทั้งในต่างประเทศและในไทย ซึ่งล่าสุดต้นปีนี้คือการเข้าลงทุนซื้อหุ้นในบริษัท เหงียน คิม ซึ่งเป็นผู้ประกอบการอันดับ 1 ของเวียดนามที่มีเครือข่ายสาขาครอบคลุมถึง 21 สาขาทั่วประเทศเวียดนาม เมื่อรวมกับศักยภาพของเพาเวอร์บายแล้วเชื่อมั่นว่าจะทำให้ “เหงียน คิม” เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเวียดนาม พร้อมทั้งทำให้ “เพาเวอร์บาย” กลายเป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญในภูมิภาคอาเซียน
“ตอนนี้เราจะมุ่งเน้นตลาดยุโรปมากขึ้นซึ่งที่ผ่านมาการขยายธุรกิจไปยุโรปประสบความสำเร็จดี โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดสินค้าหรู หรือลักชัวรี เช่น ห้างลารินาเซนเต้ และจะสร้างสาขาที่กรุงโรมเสร็จปี 2560 ส่วนที่โคเปนเฮเกน เดนมาร์กจะปรับโฉม ห้างอิลลุม คาดว่าไตรมาสสามปีนี้เปิดบริการได้”
ส่วนอาเซียนก็ยังทำไปปกติ ลงทุนในอาเซียนอาจจะประมาณ 20% ของงบทั้งหมด โดยปีที่แล้ววางรากฐานไปมากแล้ว เช่น “ซีเอ็มจี” เข้าซื้อหุ้นใน “เอชซีเอช” ของประเทศมาเลเซีย มีสินค้า 4 แบรนด์ ขณะที่ในประเทศอินโดนีเซียก็เปิดห้างเซ็นทรัลแล้ว ด้าน “โรบินสัน” ก็เปิดห้างแล้วที่เมืองฮานอยและโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ส่วน “ซีพีเอ็น” ก็เตรียมที่จะสร้างไอซิตี้ที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีฐานแล้วใน 3 ประเทศคือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม หรือแม้แต่โรงแรมก็จะขยายตัวในยุโรปมากขึ้น โดยมีเป้าหมายลงทุนในเมืองสำคัญแหล่งท่องเที่ยว เช่น ลอนดอน ปารีส เป็นต้น
สำหรับในประเทศ ในปี 2558 จะมีการเปิดโครงการค้าปลีกใหม่ๆ อีกมาก เช่น เซ็นทรัล เวสต์เกต บางใหญ่, เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสท์ วิลล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม, โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ศรีสมาน ที่ปากเกร็ด, บุรีรัมย์ ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์, และ เซ็นทรัล พลาซา ระยอง
ขณะเดียวกันได้เล็งเห็นศักยภาพทางการค้าชายแดนและโอกาสเติบโตทางธุรกิจของหัวเมืองหลักและเมืองรอง ตลอดจนจังหวัดที่เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จึงได้ขยายการลงทุนเพื่อเปิดศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าในจังหวัดที่เป็นยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจแล้วคือ เซ็นทรัล พลาซา เชียงราย, โรบินสัน มุกดาหาร, เซ็นทรัล พลาซา อุดรธานี, เซ็นทรัล เฟสติวัล หาดใหญ่ และ แม่สอด ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ซึ่งข้อมูลจากหอการค้าจังหวัดตากประเมินว่าหลังจากที่ก้าวสู่การเปิดเออีซี ปี 2558 มูลค่าการค้าชายแดนบริเวณด่านการค้าชายแดนแม่สอด-เมียวดี จะเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 ล้านบาทต่อปี
ธุรกิจกลุ่มอื่นก็ขยายตัวต่อเนื่อง เช่น ฟู้ดรีเทล จะเปิดสาขาปีนี้อีกกว่า 300 แห่ง กลุ่มโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา ปี 2557 มีโรงแรมในเครือรวม 75 โรงแรม จำนวนกว่า 15,000 ห้อง และปี 2558 จะเปิดโรงแรมใหม่ส่วนใหญ่รับบริหารอีก 9 แห่ง รวมกว่า 1,800 ห้องทั้งในและต่างประเทศ