“พาณิชย์” นัดหารือ “เกษตร” เตรียมมาตรการรับมือผลไม้ออกสู่ตลาด ทั้งมังคุด เงาะ ทุเรียน ลองกอง เล็งดึงผลไม้กระจายผ่านโมเดิร์นเทรด ตลาดกลาง ตลาดชุมชน ตลาดชายแดน พร้อมเร่งดันส่งออก ทั้งจัดทีมไปขาย โปรโมตร่วมกับห้าง เล็งบุกมัลดีฟส์เป็นพิเศษ ป้อนตลาดนักท่องเที่ยว
นางดวงกมล เจียมบุตร โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดหารือร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในวันที่ 2 มี.ค. 2558 เพื่อร่วมกันจัดทำมาตรการรับมือผลไม้ฤดูการผลิตปี 2558 ที่กำลังจะทยอยออกสู่ตลาด โดยภาคตะวันออกมังคุดจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือน มี.ค. เงาะ ทุเรียน เดือน เม.ย. ลองกอง เดือน ก.ค.-ส.ค. ส่วนในภาคใต้ และภาคเหนือ ผลไม้จะออกสู่ตลาดในช่วงเดือน มิ.ย.-ส.ค. ทั้งเงาะ ทุเรียน มังคุด ลำไย ขณะที่สับปะรด และกล้วย ผลผลิตออกสู่ตลาดเกือบทั้งปี
สำหรับแนวทางในการเตรียมความพร้อมด้านการตลาด กระทรวงพาณิชย์จะเร่งกระจายผลไม้ไปยังตลาดปลายทางนอกแหล่งผลิต ได้แก่ ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ ตลาดกลางในภูมิภาค ตลาดชายแดนติดต่อประเทศเพื่อนบ้าน ตลาดชุมชน และศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรชุมชน (Farm Outlet) การส่งเสริมและรณรงค์การบริโภคผลไม้ โดยร่วมมือกับภาคราชการและเอกชนในการจัดเทศกาลผลไม้ จัดงานร่วมกับสินค้า OTOP ในสถานที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ส่งเสริมให้มีการแปรรูปผลไม้มากขึ้น และส่งเสริมให้กลุ่มเกษตรกรมีการพัฒนาคุณภาพผลไม้แปรรูป
นอกจากนี้ จะเร่งผลักดันการส่งออก โดยจัดคณะผู้แทนการค้าจากประเทศต่างๆ เข้ามาซื้อผลไม้ไทย จัดคณะผู้แทนการค้าไทยออกไปขายผลไม้ยังประเทศเป้าหมาย นำผู้ประกอบการค้าผลไม้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ เช่น ลาว เวียดนาม อินเดีย มาเลเซีย เป็นต้น จัดคาราวานสินค้าผลไม้ ผลไม้แปรรูป และสินค้า OTOP ไปจำหน่ายในประเทศเพื่อนบ้าน และจัดการส่งเสริมการขายสินค้าภายในห้าง ที่จีน กัมพูชา ญี่ปุ่น อเมริกา และอิตาลี เป็นต้น
ทั้งนี้ กระทรวงฯ มีแผนที่จะผลักดันการส่งออกผลไม้ไปยังหมู่เกาะมัลดีฟส์เป็นพิเศษ เพราะเป็นตลาดผลไม้ไทยที่มีศักยภาพและอนาคตดี โดยมัลดีฟส์เป็นเกาะที่ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์ทางทะเลที่มีนักท่องเที่ยวทั่วโลกไปเยือนเฉลี่ยปีละ 1 ล้านคน ทั้งที่มีประชากรเพียง 3 แสนคนเท่านั้น ดังนั้นน่าจะทำตลาดผลไม้คู่กับตลาดนักท่องเที่ยวได้” นางดวงกมลกล่าว
อย่างไรก็ตาม เกษตรกรผู้ผลิตและผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับผักผลไม้ทั้งในประเทศและที่ส่งออกต่างประเทศ จำเป็นต้องคำนึงถึงการผลิตที่ได้คุณภาพและมาตรฐาน และต้องติดตามมาตรการนำเข้าของแต่ละประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดอยู่แล้วเพื่ออำนวยความสะดวก ร่วมกันหาทางแก้ไขปัญหากับผู้ประกอบการ โดยการแจ้งเตือนกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในตลาดต่างๆ ของไทยทั้งในเอเชีย ยุโรป อเมริกา
นางดวงกมลกล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาไทยส่งออกผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง เช่น ทุเรียน ลำไย ลำไยอบแห้ง มังคุด เงาะ มะม่วง มะขามหวาน เป็นต้น มีมูลค่า 1,268.52 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 41,318 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.98% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และคิดเป็นสัดส่วน 84.70% ของการส่งออกผักผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง โดยมีตลาดหลักคือ จีน เวียดนาม ฮ่องกง ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ซึ่งตลาดเหล่านี้คิดเป็นสัดส่วนโดยรวม 77.76% ของตลาดส่งออกทั้งหมด โดยมีคู่แข่งที่สำคัญคือ เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นชาติในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน
ก่อนหน้านี้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรงพาณิชย์ ได้แต่งตั้งผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ขึ้นมาดูแลรับผิดชอบสินค้าเกษตรสำคัญ 1 คนต่อสินค้า 1 ชนิด และให้ทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในรูปแบบคณะทำงาน เพื่อดูแลและจัดทำมาตรการแบบครบวงจรตั้งแต่แหล่งผลิตไปจนถึงตลาดต่างประเทศในสินค้า 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผลไม้ และปาล์มน้ำมัน เพื่อดูแลราคา และให้เกษตรกรขายผลิตผลของตนเองได้อย่างคุ้มทุน