นางดวงกมล เจียมบุตร โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะหารือร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในวันที่ 2 มีนาคมนี้ เพื่อร่วมจัดทำมาตรการรับมือผลไม้ฤดูกาลผลิตปี 58 ที่กำลังจะทยอยออกสู่ตลาด
สำหรับแนวทางในการเตรียมความพร้อมด้านการตลาด กระทรวงพาณิชย์จะเร่งกระจายผลไม้ไปยังตลาดปลายทางนอกแหล่งผลิต ได้แก่ ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ ตลาดกลางในภูมิภาค ตลาดชายแดนติดต่อประเทศเพื่อนบ้าน ตลาดชุมชน และศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรชุมชน การส่งเสริมและรณรงค์การบริโภคผลไม้ โดยร่วมมือกับภาคราชการและเอกชนในการจัดเทศกาลผลไม้ จัดงานร่วมกับสินค้าโอทอปในสถานที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ส่งเสริมให้แปรรูปผลไม้มากขึ้น และส่งเสริมให้กลุ่มเกษตรกรพัฒนาคุณภาพผลไม้แปรรูป
นอกจากนี้ จะเร่งผลักดันการส่งออก โดยจัดคณะผู้แทนการค้าจากประเทศต่างๆ เข้ามาซื้อผลไม้ไทย จัดคณะผู้แทนการค้าไทยออกไปขายผลไม้ยังประเทศเป้าหมาย นำผู้ประกอบการค้าผลไม้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ เช่น ลาว เวียดนาม อินเดีย มาเลเซีย เป็นต้น จัดคาราวานผลไม้ ผลไม้แปรรูป และสินค้าโอทอป ไปจำหน่ายประเทศเพื่อนบ้าน จัดการส่งเสริมการขายภายในห้าง ที่จีน กัมพูชา ญี่ปุ่น อเมริกา และอิตาลี เป็นต้น
พร้อมกันนั้น ยังมีแผนผลักดันการส่งออกผลไม้ไปหมู่เกาะมัลดีฟส์เป็นพิเศษ เพราะมีศักยภาพและอนาคตดี เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวทั่วโลกไปเยือนเฉลี่ยปีละ 1 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม เกษตรกรและผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับผัก ผลไม้ ทั้งในประเทศและที่ส่งออกต่างประเทศ จำเป็นต้องคำนึงถึงการผลิตที่ได้คุณภาพและมาตรฐาน และต้องติดตามมาตรการนำเข้าของแต่ละประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว เพื่ออำนวยความสะดวก ร่วมกันหาทางแก้ไขปัญหากับผู้ประกอบการ โดยการแจ้งเตือนกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในตลาดต่างๆ ของไทยทั้งในเอเชีย ยุโรป อเมริกา
ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมาไทยส่งออกผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เช่น ทุเรียน ลำไย ลำไยอบแห้ง มังคุด เงาะ มะม่วง มะขามหวาน เป็นต้น มูลค่า 1,268.52 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 41,318 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.98% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีตลาดหลัก คือ จีน เวียดนาม ฮ่องกง ญี่ปุ่น และมีคู่แข่งสำคัญ คือ เวียดนาม และฟิลิปปินส์
สำหรับแนวทางในการเตรียมความพร้อมด้านการตลาด กระทรวงพาณิชย์จะเร่งกระจายผลไม้ไปยังตลาดปลายทางนอกแหล่งผลิต ได้แก่ ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ ตลาดกลางในภูมิภาค ตลาดชายแดนติดต่อประเทศเพื่อนบ้าน ตลาดชุมชน และศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรชุมชน การส่งเสริมและรณรงค์การบริโภคผลไม้ โดยร่วมมือกับภาคราชการและเอกชนในการจัดเทศกาลผลไม้ จัดงานร่วมกับสินค้าโอทอปในสถานที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ส่งเสริมให้แปรรูปผลไม้มากขึ้น และส่งเสริมให้กลุ่มเกษตรกรพัฒนาคุณภาพผลไม้แปรรูป
นอกจากนี้ จะเร่งผลักดันการส่งออก โดยจัดคณะผู้แทนการค้าจากประเทศต่างๆ เข้ามาซื้อผลไม้ไทย จัดคณะผู้แทนการค้าไทยออกไปขายผลไม้ยังประเทศเป้าหมาย นำผู้ประกอบการค้าผลไม้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ เช่น ลาว เวียดนาม อินเดีย มาเลเซีย เป็นต้น จัดคาราวานผลไม้ ผลไม้แปรรูป และสินค้าโอทอป ไปจำหน่ายประเทศเพื่อนบ้าน จัดการส่งเสริมการขายภายในห้าง ที่จีน กัมพูชา ญี่ปุ่น อเมริกา และอิตาลี เป็นต้น
พร้อมกันนั้น ยังมีแผนผลักดันการส่งออกผลไม้ไปหมู่เกาะมัลดีฟส์เป็นพิเศษ เพราะมีศักยภาพและอนาคตดี เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวทั่วโลกไปเยือนเฉลี่ยปีละ 1 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม เกษตรกรและผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับผัก ผลไม้ ทั้งในประเทศและที่ส่งออกต่างประเทศ จำเป็นต้องคำนึงถึงการผลิตที่ได้คุณภาพและมาตรฐาน และต้องติดตามมาตรการนำเข้าของแต่ละประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว เพื่ออำนวยความสะดวก ร่วมกันหาทางแก้ไขปัญหากับผู้ประกอบการ โดยการแจ้งเตือนกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในตลาดต่างๆ ของไทยทั้งในเอเชีย ยุโรป อเมริกา
ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมาไทยส่งออกผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เช่น ทุเรียน ลำไย ลำไยอบแห้ง มังคุด เงาะ มะม่วง มะขามหวาน เป็นต้น มูลค่า 1,268.52 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 41,318 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.98% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีตลาดหลัก คือ จีน เวียดนาม ฮ่องกง ญี่ปุ่น และมีคู่แข่งสำคัญ คือ เวียดนาม และฟิลิปปินส์