แห่ตั้งธุรกิจใหม่เดือน ม.ค. 5,980 ราย เพิ่มขึ้น 12% เหตุมั่นใจเศรษฐกิจปีนี้โต รัฐบาลเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณและเร่งลงทุน ตั้งเป้าทั้งปี 6-6.5 หมื่นราย เผยตั้งธุรกิจทำบัญชีและตรวจสอบบัญชีเพิ่มกระฉูดหลังสรรพากรเข้มเรื่องเสียภาษี เตรียมสังคายนาธุรกิจค้าสลากฯ ทั้งระบบ 2.1 หมื่นราย ใครถูกหลอก ใครไม่ทำ ให้มาแจ้งเลิกนิติบุคคล
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือน ม.ค. 2558 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศจำนวน 5,980 ราย เพิ่มขึ้น 12% เทียบกับ ม.ค. 2557 และเพิ่มขึ้น 80% เทียบกับ ธ.ค. 2557 มีทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ทั้งสิ้น 1.86 หมื่นล้านบาท ส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกทั่วประเทศ ม.ค. 2558 มีจำนวน 1,380 ราย ลดลง 3% เทียบกับ ม.ค. 2557 และลดลง 73% เทียบกับ ธ.ค. 2557 มีทุนจดทะเบียนเลิกกิจการ 3,931 ล้านบาท
ปัจจัยที่ทำให้การจดทะเบียนจัดตั้งในเดือน ม.ค.เพิ่มขึ้นเป็นผลจากเข้าสู่ฤดูกาลจดทะเบียนทำธุรกิจ เพราะเดือน ม.ค.จะมีผู้ประกอบการมายื่นจดทะเบียนเป็นจำนวนมากเป็นประจำทุกปี แสดงให้เห็นแนวโน้มการจดทะเบียนที่สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัว 4-5% รวมทั้งมาตรการของรัฐบาลในการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ และเร่งการลงทุน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัว และจะส่งผลดีต่อการจดทะเบียนจัดตั้งโดยรวม โดยคาดว่าการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั้งปี 2558 จะมีจำนวน 6-6.5 หมื่นราย เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้
น.ส.ผ่องพรรณกล่าวว่า การจดทะเบียนตั้งใหม่ในเดือน ม.ค.ยังพบว่ามีการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลด้านการทำบัญชีและการตรวจสอบบัญชีเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนสูงถึง 194 ราย เพิ่มขึ้น 36% ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ 119 ราย เนื่องจากกรมสรรพากรมีการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีจากห้างหุ้นส่วนสามัญและคณะบุคคลในรูปแบบใหม่ จากเดิมที่ไม่เคยเก็บภาษีจากส่วนแบ่งกำไรของห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคล เปลี่ยนเป็นเมื่อห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลนั้นได้ยื่นเสียภาษีตามอัตราก้าวหน้าแล้ว เมื่อมีการแบ่งกำไร ผู้เป็นหุ้นส่วนจะต้องนำเงินส่วนแบ่งกำไรไปรวมคำนวณเป็นรายได้ส่วนตัวอีกครั้ง
ทั้งนี้ ยังบังคับให้ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลต้องจัดทำบัญชีแสดงรายได้และรายจ่ายแนบแบบแสดงรายการยื่นภาษีเงินได้ด้วย โดยให้เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2558 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจการทำบัญชีและตรวจสอบบัญชี ซึ่งเดิมประกอบธุรกิจในรูปแบบห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลหันมาจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลมากขึ้น
น.ส.ผ่องพรรณกล่าวอีกว่า หลังจากที่กรมฯ ได้เพิ่มความเข้มงวดในการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล ทำให้จำนวนจดจัดตั้งลดลงต่อเนื่อง และยังมีการเลิกกิจการเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดมีการเลิกกิจการไปแล้วประมาณ 6,000 ราย จาก 27,000 ราย ซึ่งกรมฯ กำลังเข้าไปจัดระเบียบธุรกิจค้าสลากฯ ที่เหลืออยู่ 21,000 ราย เพื่อให้มีการทำธุรกิจที่โปร่งใสและเหลือนิติบุคคลที่ต้องการทำธุรกิจจริงๆ
โดยกรมฯ ได้แยกการดำเนินการกรณีการจดตั้งนิติบุคคลค้าสลากฯ ออกเป็น 3 ส่วน คือ 1. หากเป็นกรณีที่ชาวบ้านรู้เรื่อง แต่ถูกหลอกนำบัตรประชาชนไปจดจัดตั้งนิติบุคคล ก็จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อน โดยจะช่วยจดทะเบียนเลิกการตั้งนิติบุคคล เพราะไม่เช่นนั้นจะมีภาระต้องส่งงบการเงิน 2. หากถูกแอบอ้างเอาบัตรประชาชนไปใช้แต่ไม่รู้เรื่อง ก็จะดำเนินการเอาผิดกับนิติบุคคลที่เอาชื่อไปใช้ และ 3. จะแจ้งนิติบุคคลค้าสลากฯ ทั้ง 21,000 ราย หากไม่มีการทำธุรกิจ หรืออาจถูกหลอกลวงก็ให้ไปจดทะเบียนเลิก แต่ถ้าไม่ดำเนินการใดๆ ก็จะถือว่ายังทำธุรกิจต่อ
สำหรับความคืบหน้าการจดทะเบียนนิติบุคคลข้ามเขตมีการยื่นจดทะเบียนแล้ว 782 ราย การใช้บริการตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคลผ่านมือถือมีผู้ใช้บริการแล้ว 295,941 ครั้ง การส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) มีผู้ส่งงบการเงินแล้ว 4 ราย และการขอหนังสือรับรองนิติบุคคลเป็นภาษาอังกฤษมีผู้ขอใช้บริการแล้ว 166 ราย ส่วนการยื่นจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 11,383 ราย และ 13,018 เว็บไซต์
ทางด้านสถานะนิติบุคคลคงอยู่ปัจจุบัน ณ วันที่ 31 ม.ค. 2558 มีห้างหุ้นส่วนบริษัทจำกัดดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศจำนวน 598,462 ราย มีทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 15.55 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นบริษัทจำกัด 417,596 ราย บริษัทมหาชนจำกัด 1,077 ราย และห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 179,789 ราย