“พาณิชย์” จับตา 30-40 บริษัทเสี่ยงหลังพบทุนจดทะเบียนโอเวอร์ ป้องกันการทำธุรกิจตุกติกหรือนำไปใช้หลอกลวงประชาชน เตรียมเรียกสอบบัญชี และประสานสรรพากรตรวจสอบอีกทาง ดีเดย์ 5 ม.ค.ปีหน้า เข้มจดทะเบียนตั้งใหม่ หากทุนเกิน 5 ล้านบาทต้องโชว์หลักฐานเงินเข้าบริษัทจริง ส่วนยอดจดตั้งบริษัทใหม่ พ.ย. เพิ่มขึ้น 1% หลังคนชะลอจดเพื่อเลี่ยงส่งงบการเงิน ขณะที่บริษัทเลิกเพิ่ม 17% แต่ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจค้าสลาก
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบบริษัทที่จดทะเบียนกับกรมฯ และมีทุนจดทะเบียนสูงผิดปกติ แต่ไม่มีการประกอบธุรกิจ ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีอยู่ประมาณ 30-40 บริษัทที่เข้าข่าย โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบบริษัท และเรียกตรวจสอบบัญชี รวมทั้งจะประสานให้กรมสรรพากรเข้าไปตรวจสอบด้วย เพราะเกรงว่าจะเป็นการจัดตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อดำเนินการที่ไม่ปกติ หรือตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกลวงประชาชน
“บริษัทเหล่านี้ไม่ส่งงบการเงิน หรือบางแห่งมีที่ตั้งอยู่ที่เดียวกัน แต่ตอนจดทะเบียน ได้จดทะเบียนทุนจัดตั้งไว้สูงมาก บางรายสูงถึง 5 แสนล้านบาท ซึ่งจริงๆ แล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ โดยกรมฯ เป็นห่วงว่าพวกที่ตั้งธุรกิจโดยอ้างว่ามีทุนจดทะเบียนสูงๆ แบบนี้คงไม่ใช่การทำธุรกิจปกติ อาจจะเป็นธุรกิจหลอกลวง หรือแชร์ลูกโซ่ก็เป็นได้ ก็อยากขอเตือนให้ประชาชนระมัดระวังให้ดี หรือหากมีข้อสงสัยอะไรก็ให้ตรวจสอบกับกรมฯ ได้” น.ส.ผ่องพรรณกล่าว
น.ส.ผ่องพรรณกล่าวว่า ในการแก้ไขปัญหาเรื่องทุนจดทะเบียน ตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. 2558 กรมฯ จะเพิ่มความเข้มงวดในการจดทะเบียนนิติบุคคล ตามนโยบายของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ ซึ่งจะไม่เน้นในแง่ปริมาณของกิจการที่เข้ามาจด แต่จะเน้นการมีคุณภาพ โดยจะเริ่มใช้เกณฑ์การจดทะเบียนใหม่ หรือกำหนดให้ธุรกิจที่มีทุนจดทะเบียนเกิน 5 ล้านบาท จะต้องแสดงหลักฐานเงินลงทุนเข้าบริษัทภายใน 15 วัน เพื่อป้องกันการจดทะเบียนทุนไว้สูงๆ แต่ไม่มีเงินจริง
ทั้งนี้ การกำหนดเกณฑ์ดังกล่าวจะไม่กระทบธุรกิจส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) เพราะสัดส่วนธุรกิจตั้งใหม่ที่มีเงินทุนเกิน 5 ล้านบาทมีเพียงแค่ 4-5% เท่านั้น ที่เหลือ 95% เป็นธุรกิจที่มีเงินทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท
น.ส.ผ่องพรรณกล่าวว่า สำหรับสถิติการจดทะเบียนธุรกิจเดือน พ.ย. 2557 มีผู้ประกอบการยื่นจดตั้งใหม่จำนวน 4,422 ราย ลดลง 962 ราย หรือลดลง 18% เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา แต่เพิ่มขึ้น 25 รายหรือเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับเดือน พ.ย. 2556 ซึ่งมีจำนวนจดตั้งใหม่ 4,397 ราย โดยมีทุนจดทะเบียน 35,910 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบกับเดือน พ.ย. 2556 โดยสาเหตุที่มีการจดตั้งใหม่ลดลงเพราะช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.ของทุกปีจะมีการจดทะเบียนตั้งใหม่ลดลง เนื่องจากบางรายไม่อยากส่งงบการเงิน หลังตั้งได้เพียงแค่ 1 หรือ 2 เดือน เลยเลื่อนไปจดตั้งใหม่ในช่วงต้นปีใหม่แทน
ส่วนการจดทะเบียนเลิกกิจการทั่วประเทศในเดือน พ.ย. 2557 มีจำนวน 2,081 ราย เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับเดือน พ.ย. 2556 และเพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค. 2557 โดยมีทุนจดทะเบียนเลิกมูลค่า 9,184 ล้านบาท ลดลง 22% เมื่อเทียบกับเดือน พ.ย. 2556 และลดลง 14% เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค. 2557 โดยสาเหตุที่มีการจดเลิกมาก เพราะเดือน พ.ย.มีการจดเลิกธุรกิจค้าสลากมากถึง 500 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้ทำธุรกิจ และไม่อยากส่งงบการเงิน จึงรีบจดเลิก ประกอบกับมีการเข้มงวดในการจดตั้งใหม่ จึงมีการจดตั้งใหม่ลดลง
ขณะที่สถิติการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลใหม่ช่วง 11 เดือนของปี 2557 (ม.ค.-พ.ย.) มีจำนวน 5.61 หมื่นราย ลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันที่ผ่านมา ส่วนการจดทะเบียนเลิกกิจการช่วง 11 เดือนมีจำนวน 1.39 หมื่นราย เพิ่มขึ้น 18% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยกรมฯ คาดว่าทั้งปี 2557 จะมียอดจดทะเบียนตั้งใหม่ 6-6.2 หมื่นราย ส่วนปี 2558 คาดว่ายอดจดตั้งใหม่จะใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 6 หมื่นราย โดยมีปัจจัยบวกคือ การเมืองมีเสถียรภาพ การกระตุ้นใช้จ่ายของภาครัฐทั้งการลงทุนเมกะโปรเจกต์และการท่องเที่ยว และราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ส่งผลดีต่อการประกอบธุรกิจ ส่วนปัจจัยเสี่ยงคือ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงผันผวน