xs
xsm
sm
md
lg

ธพ.ลดสัดส่วนผสมบี 100 ในดีเซลเหลือ 3.5-7% มีผลพรุ่งนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กรมธุรกิจพลังงานออกประกาศลดสัดส่วนผสมบี 100 ในดีเซลจาก 7% หรือบี 7 ในปัจจุบันเหลือ 3.5-7% เริ่ม 22 ม.ค. เพื่อยืดหยุ่นกับจำนวนปริมาณปาล์มน้ำมันที่ตึงตัวตามข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์

นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า จากกรณีปัญหาปาล์มน้ำมันตึงตัว ล่าสุดกรมฯ ได้ออกประกาศแก้ไข ข้อกำหนดลักษณะและคุณภาพน้ำมันดีเซลให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตไบโอดีเซล (บี100) จากเดิมกำหนดสัดส่วนการใช้บี 100 ในดีเซลไม่เกิน 7% ปรับเป็น 3.5-7% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค.เป็นต้นไป โดยขณะนี้ได้แจ้งไปยังผู้ค้าน้ำมันและโรงกลั่นน้ำมันเพื่อรับทราบให้ดำเนินการแล้ว

“การลดสัดส่วนบี 100 ที่เหลือ 3.5% จะช่วยลดการใช้บี 100 ลงเฉลี่ยวันละ 2 ล้านลิตร จากเดิมวันละ 4 ล้านลิตร ซึ่งปัญหาปาล์มน้ำมันตึงตัวคิดว่าน่าจะเกิดในช่วงระยะสั้น เพราะปกติผลผลิตปาล์มฯ จะเริ่มกลับเข้ามาในช่วงปลายเดือน มี.ค. ดังนั้น การประกาศฉบับนี้น่าจะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 1 เดือนเท่านั้น ซึ่งในด้านผู้ค้าน้ำมันและโรงกลั่นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่อาจจะเป็นเรื่องดีเพราะต้นทุนบี 100 มีราคาสูงกว่าเนื้อน้ำมันอยู่แล้ว” นายวิฑูรย์กล่าว

นายพรายพล คุ้มทรัพย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือกระทรวงพลังงานในการลดสัดส่วนการผสมบี 100 ในดีเซลจากปัจจุบันที่ผสมอยู่ในอัตรา 7% หรือบี 7 ลงมาเนื่องจากปริมาณน้ำมันปาล์มไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศจนต้องมีการอนุมัติให้นำเข้ามา อย่างไรก็ตามทาง ธพ.ได้มีการพิจารณาในรายละเอียดเรื่องนี้แล้วซึ่งก็คงจะต้องติดตามปริมาณปาล์มอย่างใกล้ชิด

สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงล่าสุดขณะนี้สุทธิอยู่ที่ระดับ 21,771 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการศึกษาว่าอัตราใดที่จะเหมาะสมในการพิจารณาจัดเก็บอัตราภาษีสรรพสามิตดีเซลที่ปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 3.25 บาทต่อลิตร โดยจะต้องคำนึงถึงสถานการณ์และทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกในอนาคตด้วยว่าจะเป็นอย่างไรแน่เพื่อประกอบเป็นนโยบาย

นายชายน้อย เผื่อนโกสุม รักษาการผู้อำนวยการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์กรมหาชน) หรือ สบพน. กล่าวว่า ขณะนี้ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ในระดับ 21,771 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ในอนาคตก็จะเป็นเงินที่จะนำไว้ดูแลราคาน้ำมันที่อาจกลับขึ้นไปสูงผิดปกติได้เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน แต่อัตราใดจึงจะเหมาะสมไม่สามารถระบุได้คงจะต้องเป็นเรื่องของระดับนโยบาย

“เงินดังกล่าวเป็นการสะสมไว้ใช้ยามที่เกิดวิกฤตน้ำมันแพงในระยะยาวเพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพประชาชนเกินไป และเงินนี้ก็จะไม่ได้หายไปไหนหรือไม่สามารถนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องเพราะมีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง.ตรวจสอบอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเพราะนี่คือเงินของประชาชน ส่วนหากรัฐขึ้นภาษีฯ ดีเซลก็จะทำให้การเก็บเงินเพิ่มของกองทุนฯ ต่อไปก็อาจลดลงจากส่วนนี้ก็เท่านั้นเอง” นายชายน้อยกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น