ASTVผู้จัดการรายวัน - “โอ้โห สลิมพลัส” ทุ่มงบฯ 200 ล้านบาทปรับระบบไอที พร้อมตั้งศูนย์กระจายสินค้า 5 แห่งครอบคลุมทุกภาค หวังยกระดับระบบการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าภายใน 1 วัน เน้นคุณภาพสินค้าต้องผ่านการรับรองมาตรฐานระดับโลกจาก Central Lab ฮ่องกง ตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำอันดับ 1 ตลาดออนไลน์ มุ่งรายได้ 1 พันล้านบาทในปี 58 เพิ่มขึ้นถึง 50%
นางสาวศิรินทรา เส็งสิน ประธานบริษัท โอ้โห สลิมพลัส จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านค้าออนไลน์ในฐานะ “โซเชียล คอมเมิร์ซ” เปิดเผยถึงแผนการลงทุนในปี 2558 ว่า บริษัทฯ กำลังดำเนินการก่อสร้างสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ใน อ.เมือง จ.พิษณุโลก บนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ โดยจะก่อสร้างอาคารเฟสแรกประมาณ 20 ล้านบาท ขณะนี้ดำเนินงานได้ประมาณ 60% คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการได้ประมาณต้นเดือน เม.ย. 58 หลังจากนั้นจะเริ่มก่อสร้างเฟส 2-3 เป็นลำดับต่อไป
นอกจากนั้นยังใช้งบประมาณอีก 200 ล้านบาทในการปรับระบบซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ รวมทั้งก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าอีก 5 แห่งในจังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น ราชบุรี สงขลา และกรุงเทพฯ เพื่อพัฒนาระบบการส่งสินค้าให้ผู้บริโภคภายในระยะเวลา 1 วัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ใช้วิธีจัดส่งสินค้าผ่านทางไปรษณีย์ EMS ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน โดยคาดว่าศูนย์กระจายสินค้าแห่งแรกที่จะเริ่มให้บริการได้คือที่จังหวัดขอนแก่นภายในเดือน ก.พ. 58
“บริษัทฯ คาดว่าภายในเดือน มิ.ย. 58 จะสามารถเปิดดำเนินงานศูนย์กระจายสินค้าได้ครบทุกแห่ง นอกจากนั้นยังมีแผนเพิ่มพันธมิตรในการจัดส่งสินค้าด้วยรถจักรยานยนต์พร้อมบริการเก็บเงินปลายทาง โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการในกรุงเทพฯ ก่อนเป็นลำดับแรก”
นางสาวศิรินทรากล่าวด้วยว่า การซื้อสินค้าออนไลน์มีมูลค่าตลาดประมาณ 2 หมื่นล้านบาท มีอัตราการเติบโตประมาณ 30% โดยในปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้ประมาณ 500 ล้านบาทจากสินค้าประมาณ 10 รายการจาก 3 หมวด ได้แก่ เฮลตี้และบิวตี้ ประมาณ 60% สกินแคร์ 20% และผลิตภัณฑ์ความงาม 20% โดยล่าสุดได้ร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ 2 ราย คือ “วีว่า เอสซี” จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และ “สไตล์ อัพ ไดเอท” จากประเทศเกาหลีใต้ ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้าทั้งสิ้น 5 แบรนด์ โดยคาดว่าในปี 2558 จะมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 50% คิดเป็นรายได้รวมประมาณ 1 พันล้านบาท
บริษัทฯ มีฐานลูกค้าในเว็บไซต์ www.clubohobypunim.com ประมาณ 1 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง 70% ผู้ชาย 30% มีอายุระหว่าง 25-45 ปี ขณะที่มียอดผู้เข้าชมประมาณ 2-3 ล้านคนต่อวัน มีผู้สั่งซื้อสินค้าออนไลน์ประมาณ 5 พันชิ้นต่อวัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.5 พันบาทต่อคนต่อครั้ง โดยลูกค้าแต่ละคนจะมีพฤติกรรมการซื้อซ้ำประมาณ 70-80%
“ปัจจุบันคนไทยมีพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊กประมาณ 14 ล้านคนจากจำนวนผู้ใช้ประมาณ 23 ล้านคน ในขณะที่มีฐานลูกค้าแฟนเพจ cluboho จากเฟซบุ๊กประมาณ 10% หรือ 3-5 ล้านคน บริษัทฯ จึงมุ่งทำการตลาด โฆษณา และประชาสัมพันธ์ผ่านทางเฟซบุ๊กอย่างเดียว โดยกำหนดงบประมาณสำหรับสินค้าเก่า 3.5% และสินค้าใหม่ 14% ของยอดขาย คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 30 ล้านบาทต่อปี”
นางสาวศิรินทรากล่าวอีกว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะเป็นร้านค้าออนไลน์อันดับหนึ่งของประเทศไทย จึงพยายามที่จะพัฒนามาตรฐานการซื้อสินค้าออนไลน์ให้มีความน่าเชื่อถือและบริการหลังการขายเพื่อรับประกันความพึงพอใจของลูกค้า พร้อมยินดีคืนเงินให้ลูกค้ากรณีสินค้ามีปัญหา หรือไม่พอใจในสินค้า โดยบริษัทฯ ให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพสินค้าที่จำหน่ายว่าจะต้องผ่านการตรวจสอบและได้รับใบรับรองระดับโลกจาก Central Lab ประเทศฮ่องกง เพื่อเป็นการรับประกันคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าว่ามีความปลอดภัย 100%
“บริษัทฯ มีจุดเด่นในเรื่องการให้บริการด้านข้อมูลสินค้าและตอบปัญหาลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมงจากพนักงานประมาณ 70 คน โดยอนาคตอันใกล้นี้ยังมีแผนเพิ่มความหลากหลายของสินค้าที่จำหน่ายโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์บำรุงและดูแลผิวหน้า รวมถึงสินค้าอื่นๆ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ ทั้งยังจะเริ่มให้บริการชำระเงินผ่านระบบ Paypal และบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย และไทยพาณิชย์”