กรมทางหลวงเสนอ7 รูปแบบลงทุนมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-นครราชสีมา 8.4 หมื่นล. ชง”คมนาคม”ปิดท้ายปี 57 คาดดันเข้าครม.อนุมัติม.ค.58 “ชูศักดิ์”เผยใช้เงินกู้ในประเทศหรือให้เอกชนลงทุนให้ก่อน (Project Finance) เหมาะสมสุด เล็งแบ่งก่อสร้าง 7-8 สัญญา ด้าน”เปรมชัย”ยัน อัตาเลียนไทยฯ พร้อมลุยประมูลทุกโครงการของคมนาคม ฟุ้งแหล่งเงินทุนพร้อม ตั้งเป้าแบ่งเค้กงานปี 58 ไม่น้อยกว่า 30 %
นายชูศักดิ์ เกวี อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายใหม่ว่า ภายในเดือนธันวาคมนี้ จะเสนอแผนรายละเอียดโครงการก่อสร้างโครงการมอเตอร์เวย์สาย บางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร วงเงิน 84,600 ล้านบาทให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาได้ และคาดว่าจะสามารถนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติโครงการและแหล่งเงินได้ในเดือนมกราคม 2558 ส่วนมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร วงเงิน 55,620 ล้านบาท นั้นจะสามารถเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาได้ในเดือนมกราคม 2558 โดยทั้ง 2 โครงการมีความพร้อมในการก่อสร้าง โดยมีการสำรวจ ออกแบบไว้แล้ว
ทั้งนี้ กรมทางหลวงได้นำเสนอแหล่งเงินลงทุนโครงการใน 7 รูปแบบ ประกอบด้วย 1. ใช้งบประมาณ 2. ใช้เงินกู้ในประเทศ 3. ใช้เงินกู้ต่างประเทศ 4. จัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หรืออินฟราสตรักเจอร์ฟันด์ 5. ใช้เงินกองทุนค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ 6. ร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership หรือ PPP) และ7. การให้เอกชนลงทุนก่อสร้างให้ก่อนและภาครัฐใช้คืนภายหลัง (Project Finance)
นายชูศักดิ์กล่าวว่า กรมทางหลวงได้นำเสนอทั้ง 6 รูปแบบ โดยเห็นว่า รูปแบบที่มีความเหมาะสมและเป็นไปได้มากที่สุด คือ กู้เงินในประเทศ โดยจะขึ้นกับการพิจารณาในเรื่องเพดานหนี้สาธารณะของสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ด้วย หรือรูปแบบ Project Finance ที่เอกชนเข้ามาลงทุนให้ก่อน ส่วนเงินกู้ต่างประเทศนั้น อาจจะมีปัญหาเรื่องเงื่อนไขของแหล่งเงินกู้ที่จะให้เปิดกว้างในการประมูล ในขณะที่งานก่อสร้างในลักษณะนี้ ถือเป็นงานปกติ (Common Project) ที่ผู้รับเหมาไทยสามารถดำเนินการได้ และภาครัฐควรให้การสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ส่วนกองทุนมอเตอร์เวย์นั้น ขณะนี้มีเงินสะสมที่ 16,000 ล้านบาท ซึ่งจะต้องใช้ก่อสร้างโครงการ มอเตอร์เวย์ สายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 32 กม. วงเงิน 14,000 ล้านบาท จึงไม่เหมาะสม ขณะที่ ร่วมทุนเอกชน PPP มีขั้นตอนดำเนินงานมาก
โดยการก่อสร้างมอเตอร์เวย์สาย บางปะอิน-นครราชสีมา นั้น คาดว่าจะแบ่งออกเป็น 7-8 ตอน ซึ่งเหมาะสมกว่าการซอยสัญญางานก่อสร้างจำนวนมาก เพราะจะทำให้ได้ผู้รับเหมารายเล็ก ซึ่งอาจจะมีปัญหาในการก่อสร้างแล้วเสร็จไม่พร้อมกันได้ ขณะที่แบ่งสัญญาไม่มากนักจะได้ผู้รับเหมารายใหญ่ที่มีขีดความสามารถในการทำงาน โดยคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี ส่วนค่าผ่านทางนั้น เบื้องต้นคาดว่าจะกำหนดค่าแรกเข้าในอัตรา 10 บาท และเก็บกิโลเมตรละ 1 บาท เพราะถือเป็นบริการสาธารณะที่ไม่หวังกำไร
ด้านนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD กล่าวว่า บริษัทฯสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลก่อสร้างโครงการของกระทรวงคมนาคมที่จะเริ่มดำเนินการในปี 2558 อย่างแน่นอน ทั้งโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมา และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี ไม่ว่าจะใช้การลงทุนรูปแบบใด โดยบริษัทฯพร้อมจัดเตรียมแหล่งเงินลงทุน รวมถึง โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี ระยะทาง 21.20 กม.วงเงิน 110,325.76 ล้านบาท โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 29.1 กม. วงเงิน 54,644 ล้านบาท และ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรีระยะทาง 34.5 กม. วงเงิน 56,691 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการแข่งขันที่ผู้รับเหมาทุกราย มีโอกาสเท่าเทียมกัน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และรถไฟทางคู่ ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-รัฐบาลจีนนั้น ถือว่า บริษัทฯ ค่อนข้างได้เปรียบ เพราะมีประสบการณ์ในการก่อสร้างมานานกว่า 20 ปี ซึ่งโดยรวมประมาณการณ์ว่า บริษัทฯจะมีส่วนแบ่งจากมูลค่างานก่อสร้างโครงการของกระทรวงคมนาคมในปี 2558 ไม่น้อยกว่า 30%
สำหรับ แผนลงทุนก่อสร้างรถไฟทางคู่ ในปี 2558 มี 5โครงการ ระยะทางรวม 738 กิโลเมตร วงเงินรวม ประมาณ 109,981 ล้านบาทประกอบด้วย 1.รถไฟทางคู่ช่วง ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กิโลเมตร วงเงิน 11,348.36 ล้านบาท 2. ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กิโลเมตร วงเงิน 26,007.20 ล้านบาท3.ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร วงเงิน 17,929.53 ล้านบาท 4.ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร วงเงิน 24,842.44 ล้านบาท 5. ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร วงเงิน 29,855.08 ล้านบาท