แก๊งประมูลรถไฟฟ้าเหิมเกริม ทำรัฐบาลไร้ผลงาน หวังลากยาวจนเลือกตั้งใหม่

ASTVผู้จัดการรายวัน - โครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ของรัฐบาล คสช.ส่อแววล่าช้าไร้ผลงาน เนื่องจากเป็นเกมของแก๊งประมูลรถไฟฟ้าคอยขัดขาสร้างปัญหาให้งานสะดุด หวังลากยาวจนเลือกตั้งใหม่

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า ตั้งแต่รัฐบาล คสช.รับผิดชอบบริหารประเทศมาโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ กลับล่าช้าไม่สำเร็จเป็นรูปธรรมแต่อย่างใด ทำให้รัฐบาล คสช.สั่งการให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดงานรถไฟฟ้าสายต่างๆ ทั้งในส่วนงานก่อสร้างโยธา และงานสัมปทานเดินรถ โดยมีนโยบายให้รัฐและเอกชนร่วมลงทุนเพื่อลดภาระแก่รัฐ และเสริมสร้างประสิทธิภาพการให้บริการ เพราะทราบว่าหากยังล่าช้าเช่นนี้จะทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจไทยไม่เกิดขึ้น และประเทศต่างๆ ขาดความเชื่อมั่น

“กระทรวงคมนาคมรู้ว่าขณะนี้งานต่างๆ ล่าช้ามาก โดยเฉพาะงานรถไฟฟ้าซึ่งเป็นงานหลักที่ต้องเร่งรัดเพราะมีผลต่อเศรษฐกิจอย่างมาก และก็พยายามเร่งรัดอยู่ แต่งานที่อยู่ในมือหน่วยงานสำคัญคือ รฟม. และ ร.ฟ.ท. กลับไม่เดินหน้า ทั้งที่รัฐบาล คสช. แทบจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงแผนดำเนินงานจากรัฐบาลเพื่อไทยเลย มีเพียงแค่โครงการรถไฟความเร็วสูง (High Speed Train) เท่านั้นที่ให้ระงับไว้ เชื่อว่าเกิดจากขบวนการที่คอยสร้างปัญหาทำให้งานล่าช้า หวังทำลายความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาล คสช. โดยอาศัยผู้บริหารระดับสูงใน รฟม. และ ร.ฟ.ท. ที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับกลุ่มการเมืองเดิมต่อเชื่อมกับกลุ่มเสนาธิการทหารใกล้ตัวผู้ใหญ่ในรัฐบาลนี้ และผู้บริหารระดับสูงในสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)”

แหล่งข่าวกล่าวว่า ขบวนการนี้ทำงานแบบโยนลูกให้กันสอดรับเป็นอย่างดี หากงานไหนตรงความต้องการก็ช่วยกันแม้กระทั่งหาที่ปรึกษาต่างๆ มาสนับสนุน แต่หากไม่เห็นด้วยก็ให้ความเห็นค้าน เช่น ในงานสัมปทานเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง มีการให้ที่ปรึกษาของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ให้ความเห็นว่าเอกชนลงทุนดำเนินการจะแพงกว่ารัฐดำเนินการทั้งที่รู้ว่าไม่เป็นความจริงและขัดต่อนโยบายส่งเสริมการให้รัฐและเอกชนร่วมลงทุน (PPP) แต่พอเป็นโครงการ Airport Link ร.ฟ.ท.จะซื้อรถไฟฟ้าเองทั้งที่มีราคาสูงมาก และยังไม่มีแผนการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงที่ชัดเจนกลับสนับสนุน หรือกรณีโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่ รฟม.จะจัดซื้อ Monorailเอง ซึ่งยังมีประเด็นที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมให้ไปพิจารณาทบทวนให้รอบคอบว่าควรเป็นระบบ Monorai lหรือ Heavy Rail ให้เหมาะสมกับพื้นที่และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และมีข้อสังเกตว่าการจัดซื้อระบบ Monorail จะทำให้เกิดการผูกขาดล็อกสเปกได้ แต่ผู้บริหาร รฟม.กลับไม่ดำเนินการอ้างว่าต้องใช้เวลานาน

“แก๊งนี้แข็งแกร่งมากไม่กลัวรัฐบาลและบอร์ด มุ่งหวังผลประโยชน์ในการจัดซื้อระบบรถไฟฟ้าและการตั้งบริษัทลูกต่างๆ ใน รฟม. และ ร.ฟ.ท.เพื่อเดินรถหรือดำเนินการพัฒนาเชิงพาณิชย์ ทั้งที่รู้ว่าไม่มีประสิทธิภาพและจะเป็นภาระแก่รัฐ ขบวนการนี้นึกจะแต่งตั้งใครก็ทำ ย้ายใครก็ย้าย และไม่ต้องการให้หน่วยงาน คือ รฟม. และ ร.ฟ.ท.มีผู้ว่าการตัวจริงเพื่อทำงานสำเร็จ อาศัยผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานสร้างปัญหาและยืมมือสื่อมวลชนที่ใกล้ชิดรัฐบาลเก่าคอยสนับสนุน หากโครงการไหนมีแนวโน้มจะสำเร็จ แต่ไม่ตรงตามความต้องการก็จะกลั่นแกล้งเพราะได้ผลสองทาง คือ สกัดหรือชะลองานที่ไม่ตรงตามความต้องการไว้จนเลือกตั้งใหม่รอรัฐบาลใหม่มาเปลี่ยนแปลงและดิสเครดิตทำลายความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาล คสช.”

ตำแหน่งผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. และ รฟม. เป็นเดิมพันสำคัญที่แก๊งนี้ต้องการ หากไม่ใช่คนจากกลุ่มตนเป็นคงใช้ทุกวิถีทางสร้างปัญหาขัดขวาง เช่นที่ ร.ฟ.ท. กระบวนการสรรหาผ่านมากว่า 6 เดือนแล้วยังไม่แล้วเสร็จ มีการตั้งข้อสังเกตต่างๆ สร้างปัญหา และที่ รฟม. มีความพยายามบิดเบือนว่าคุณสมบัติของผู้สมัครที่กำหนดให้ห้ามเป็นรักษาการผู้ว่าการ รฟม.เป็นเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม กีดกันบุคคลที่เป็นรักษาการผู้ว่าการ การบิดเบือนนี้หวังผลเพื่อสร้างปัญหาในการสรรหาผู้ว่าการ รฟม. ทั้งที่การกำหนดคุณสมบัติผู้สมัครห้ามเป็นรักษาการผู้ว่าการนี้ทำให้เกิดความเท่าเทียมและเป็นธรรมแก่ผู้แข่งขันทุกราย ทำให้เกิดความโปร่งใสและแข่งขันเต็มที่ ซึ่งในกรณีบุคคลที่เป็นรักษาการผู้ว่าการ รฟม. หากเลือกที่จะลงสมัครสรรหาผู้ว่าการก็สามารถไม่รับเป็นรักษาการผู้ว่าการได้ ซึ่งเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะพิจารณา โดย รฟม.สามารถแต่งตั้งรักษาการผู้ว่าการตามมาตรา 27 ของ พ.ร.บ. รฟม. ที่ระบุว่า ในกรณีที่ไม่มีผู้ว่าการ ให้รองผู้ว่าการอาวุโสสูงสุดตามลำดับเป็นผู้รักษาการ ถ้าไม่มีหรือมีแต่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ให้แต่งตั้งกรรมการคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาการแทนได้ ที่ผ่านมาในการสรรหาผู้ว่าการ รฟม. ตำแหน่งรักษาการผู้ว่าการมักมีผลทำให้ผู้แข่งขันรายอื่นเสียเปรียบ ให้คุณให้โทษผู้แข่งขันรายอื่นได้ ทำให้การสรรหาไม่เป็นธรรมและไม่โปร่งใส

การคัดเลือกเอกชนให้บริการโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย เป็นอีกเป้าหมายสำคัญของแก๊งนี้ เพราะต้องการล้มการเจรจากับ BMCL เพื่อเปิดประมูลแบบแยกอิสระไม่ต่อเนื่องกับสายสีน้ำเงินเดิม แม้กระทรวงคมนาคมและบอร์ด รฟม.สั่งการให้เร่งรัดกลับคอยสร้างปัญหาจนงานไม่เดิน อ้างความโปร่งใส ต้องการให้เกิดการแข่งขัน ล่าสุดพยายามถ่วงเวลาต้องการขอข้อมูลเพิ่มเติมอีก ทั้งที่ รฟม. และที่ปรึกษา รฟม.ได้จัดทำข้อมูลครบถ้วนชัดเจน ยืนยันว่าการเจรจากับ BMCL เพื่อเดินรถต่อเนื่องสำหรับสายสีน้ำเงินทั้งสายเป็นประโยชน์ที่สุด โดยเสนอบอร์ด รฟม.เห็นชอบแล้ว และได้รายงานต่อกระทรวงคมนาคมและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ถือว่าเป็นเกมถ่วงเวลาและดิสเครดิตรัฐบาลที่แยบยลมาก ต้องจับตาดูว่ารัฐบาลและกระทรวงคมนาคมจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร