xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” รุกต่อจัดระเบียบค้างาช้าง พบผู้ค้าหยุดประกอบการและปิดร้านเพิ่มขึ้น ย้ำอีกลักลอบขายเจอโทษหนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พาณิชย์” เผยหลังลงพื้นที่จัดระเบียบผู้ค้างาช้าง จี้ขึ้นทะเบียนพาณิชย์และทำบัญชี พบมีผู้ค้าทั้งประเทศรวม 339 ราย แต่เลิกประกอบกิจการและปิดร้านไปแล้ว 136 ราย สะท้อนมาตรการคุมเข้มได้ผล ยันจะร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรฯ ตำรวจ ตรวจสอบต่อ หากพบลักลอบค้างาช้างผิดกฎหมายเจอโทษสูงสุด พร้อมแนะนักท่องเที่ยว ประชาชน ลด ละ เลิกการบริโภคงาช้าง หวังไซเตสเข้าใจและไม่แบนไทย

นายชัยณรงค์ โชไชย รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์ตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ลงพื้นที่ตรวจสอบแหล่งค้างาช้างทั้งในกรุงเทพฯ และแหล่งท่องเที่ยว เพื่อจัดระเบียบผู้ค้างาช้าง โดยให้มีการจดทะเบียนพาณิชย์ให้ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 และจัดทำบัญชีตาม พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ. 2543 รวมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายการค้างาช้างฉบับใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2558 ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วทั้งบริเวณสวนจตุจักร ศูนย์การค้าเจเจมอลล์ ศูนย์การค้ารอยัลริเวอร์ ท่าพระจันทร์ ดิโอลด์สยามพลาซ่า และแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ

“ล่าสุดได้ลงพื้นที่ซ้ำอีกครั้งที่ศูนย์การค้าเจเจมอลล์ เพื่อติดตามผล และจะติดตามผลในพื้นที่อื่นๆ ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งผลจากการจัดระเบียบที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีผู้ประกอบการค้างาช้างทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 339 ราย หลังลงพื้นที่แจ้งเตือนและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง มีผู้ค้างาช้างเลิกประกอบการค้างาช้างจำนวน 86 ราย คิดเป็นร้อยละ 25.4 และไม่พบร้านค้างาช้างหรือปิดร้านจำนวน 50 ราย คิดเป็นร้อยละ 14.7 สะท้อนถึงมาตรการจัดระเบียบผู้ค้างาช้างที่เข้มงวดของหน่วยงานภาครัฐประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ” นายชัยณรงค์กล่าว

นายชัยณรงค์กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญในระดับสูงสุดต่อการควบคุมการค้างาช้างในประเทศให้เป็นระบบ และหามาตรการสกัดกั้นการลักลอบค้างาช้างที่ผิดกฎหมาย โดยผู้ค้างาช้างที่ยังคงเพิกเฉยไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังในอัตราโทษสูงสุด

นอกจากนี้ กรมฯ จะผลักดันให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปลด ละ เลิก การบริโภคงาช้างอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะเป็นการตัดตอนต้นทางของปัญหาเกี่ยวกับการค้างาช้างที่ผิดกฎหมายของไทยที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยหวังว่ามาตรการที่เข้มงวดดังกล่าวจะเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมปริมาณผู้ค้างาช้างและแก้ปัญหาการค้างาช้างที่ผิดกฎหมายของประเทศไทยในระยะยาว โดยเฉพาะการค้างาช้างแอฟริกาและงาช้างป่า

“หวังว่าไซเตสจะเข้าใจถึงความพยายามในการแก้ไขปัญหาการลักลอบค้างาช้างผิดกฎหมายของประเทศไทย และไม่ใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการค้าสินค้าเชิงพาณิชย์ทุกประเภทที่อยู่ภายใต้ความควบคุมของไซเตส อันจะส่งผลกระทบในภาพรวมต่อภาคการส่งออกสินค้าของไทยในอนาคต และทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเสียหายนับพันล้านบาท” นายชัยณรงค์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น