รอง ผบ.ตร. ประชุมร่วมกับกระทรวงทรัพย์ วางมาตรการปราบปรามขบวนการค้างาช้าง ขึ้นแบล็กลิสต์ 132 บุคคลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ห้ามเข้ามาในประเทศ
วันนี้ (19 พ.ย.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผอ.ศปทส.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา พล.ต.ท.วัฒนา สักกวัตร, พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปทส. ร่วมกับ นางมิ่งขวัญ วิชยารังสฤษดิ์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายธัญญา เนติธรรมกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ผู้แทนกรมประมง กรมวิชาการเกษตร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมศุลกากร และผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผบช.สตม., ผบก.ทท., ปทส., ตท. และ ผบก. ทั้ง 12 จังหวัดเป้าหมาย คือ กรุงเทพมหานคร, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, พระนครศรีอยุธยา, บุรีรัมย์, สุรินทร์, เชียงใหม่, อุทัยธานี, นครสวรรค์, กาญจนบุรี และ ภูเก็ต ร่วมประชุมผ่านระบบคอนเฟอเรนซ์ เพื่อขับเคลื่อนตามแผนปฏิบัติงานงาช้างแห่งประเทศไทย ภายใต้อนุสัญญาไซเตรส และ แผนปฏิบัติการเฉพาะกิจปราบปรามการค้างาช้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า ที่ประชุมวันนี้ ให้มีการสำรวจ ร้านค้า แหล่งผลิต แหล่งค้า ที่มีอยู่ในปัจจุบันและขึ้นบัญชีไว้ และควบคุมไม่ให้มีการนำงาช้างหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากงาช้างที่ผิดกฎหมายมาลักลอบจำหน่าย ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบให้ ตนเป็นประธานอนุกรรมการ ด้านกำกับดูแลและการบังคับใช้กฎหมาย
รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีมติให้ขึ้นบัญชีบุคคลที่มีคดีและถูกออกหมายจับจำนวน 132 ราย ใน 34 ประเทศ เป็นบุคคลห้ามเข้าประเทศ และจะขอความร่วมมือผู้ประกอบการที่มีผลกระทบหากมีการกีดกันทางการค้า จากประเทศภาคีสมาชิกไซเตรส มาร่วมเป็นอาสาสมัคร แจ้ง เบาะแส ข่าวสาร หรือร่วมกิจกรรมรณรงค์ ในการต่อต้านการค้างาช้างและผลิตภัณฑ์จากงาช้างที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะงาช้างแอฟริกา เพื่อแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทย และคนไทย ไม่ได้สนับสนุนให้มีการลักลอบค้างาช้างในประเทศ มีการรวมตัวกันทุกภาคส่วนในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง และสามารถแก้ไขปัญหาการลักลอบค้างาช้างที่ผิดกฎหมายในประเทศไทยได้
