xs
xsm
sm
md
lg

RATCH จ่อลงทุน ตปท.เพิ่มอีก 8 โครงการ สยายปีกทำคลัง LNG-เหมืองถ่านหิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผลิตไฟฟ้าราชบุรีฯ จ่อลงทุนเพิ่มในต่างประเทศอีก 8 โครงการ มูลค่ากว่า 3.4 หมื่นล้านบาท แย้ม ปตท.ชวนร่วมทุนโครงการสร้างคลังแอลเอ็นจีที่พม่า และสยายปีกรุกธุรกิจเหมืองถ่านหินที่อินโดนีเซีย

นายพงษ์ดิษฐ พจนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RATCH) เปิดเผยว่า บริษัทฯ แสวงหาโอกาสการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเป็นบริษัทพลังงานครบวงจรชั้นนำที่มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีโครงการเป้าหมายที่มีศักยภาพสำหรับการลงทุน 8 โครงการ คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุน 3.4 หมื่นล้านบาท

โดยแบ่งเป็นการลงทุนในประเทศพม่าจำนวน 3 โครงการ คือ 1. โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาดเมืองมะริด ขนาดกำลังผลิต 2.64 พันเมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 4-5 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยโครงการนี้บริษัทฯ จะถือหุ้น 45% ร่วมกับพันธมิตรไทยและท้องถิ่น ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 ปี

2. โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินปากเหมืองที่เชียงตุง ขนาดกำลังผลิต 600 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทถือหุ้น 55 % พบว่าโครงการนี้มีความก้าวหน้ามากกว่าโครงการโรงไฟฟ้ามะริด เนื่องจากโครงการนี้ผ่านการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว แต่ติดปัญหาความไม่ชัดเจนเรื่องประทานบัตรเหมืองถ่านหินว่าจะได้สิทธิ์ทันทีที่ได้อนุมัติให้ทำโรงไฟฟ้าหรือไม่ แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นคนละส่วนกัน ทำให้ต้องเคลียร์ประเด็นดังกล่าวก่อนลงนามสัญญา

3. ธุรกิจเชื้อเพลิง ตามที่ ปตท.มีแผนจะสร้างคลังแอลเอ็นจี เทอร์มินอล เฟส 3 ขนาด 5 ล้านตัน ที่ประเทศพม่า เพื่อทดแทนก๊าซฯ จากแหล่งยาดานาที่จะสิ้นสุดลงในอนาคต โดยเชื่อว่าทางรัฐบาลพม่าอาจไม่ต่อสัญญาป้อนก๊าซฯ ให้ไทยอีก ทำให้คุณภาพของก๊าซฯ ในพม่าผันผวนได้ ดังนั้น การตั้งคลังแอลเอ็นจีดังกล่าวส่วนใหญ่จะนำก๊าซฯ มาป้อนให้โรงไฟฟ้าในกลุ่มราชบุรีฯ ทาง ปตท.จึงชวนบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีฯ เข้าร่วมทุนสัดส่วน 20-30%

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนลงทุนโรงไฟฟ้าพลังลมเพิ่มเติมอีก 160-180 เมกะวัตต์ที่ออสเตรเลีย ซึ่งอยู่ระหว่างการเสนอขายไฟฟ้าให้ผู้ซื้อ คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 1/2558 โครงการสายส่งแรงสูงขนาด 230 KV ระยะทาง 125 กม. ที่ประเทศกัมพูชา ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปลายปีนี้ โครงการโรงไฟฟ้าไอพีพีที่เวียดนาม ขนาด 1,200 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ 30% คาดว่าจะลงนามสัญญาร่วมทุนได้ในสิ้นปีนี้

โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเติมที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ได้กำลังผลิตรวม 100-120 เมกะวัตต์จากปัจจุบันที่มีการลงทุนอยู่ 33 เมกะวัตต์ (2 โครงการ) โดยจะร่วมทุนกับ บมจ.เชาว์สตีล ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดเพื่อพัฒนาโครงการให้ได้ 120 เมกะวัตต์ในปี 2558 และโครงการสุดท้าย คือ โครงการเหมืองถ่านหินที่อินโดนีเซีย โดยบริษัทสนใจเข้าร่วมทุนจำนวน 2 โครงการ บริษัทสนใจจะถือหุ้นเพียง 10-20% ล่าสุดบอร์ดบริษัทฯ เห็นชอบและให้ศึกษารายละเอียดการลงทุนเหมืองถ่านหินดังกล่าวภายใน 3 เดือนก่อนเสนอบอร์ดฯ เพื่ออนุมัติต่อไป

นายพงษ์ดิษฐกล่าวต่อถึงโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซฯ ที่มัณฑะเลย์ ประเทศพม่า ขนาด 200 เมกะวัตต์ว่า บริษัทฯ ตัดสินใจไม่ยื่นประมูลสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่ามีความเสี่ยงในการลงทุนในหลายเรื่องด้วยกัน และผลตอบแทนการลงทุนต่ำ ทำให้ไม่คุ้มการลงทุน

สำหรับงบลงทุนในปีหน้า บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนไว้ 1.25 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการโรงไฟฟ้าที่มีการพัฒนาอยู่แล้ว อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าหงสา ที่ สปป.ลาว กำลังผลิต 1.87 พันเมกะวัตต์ คาดว่าจะจ่ายไฟเข้าระบบยูนิตแรก มิ.ย. 2558 โครงการโรงไฟฟ้านวนคร ขนาด 122 เมกะวัตต์ จ่ายไฟเชิงพาณิชย์ในปี 2559 โครงการโรงไฟฟ้าราชบุรี โคเจนเนอเรชั่น 100 เมกะวัตต์ที่จังหวัดราชบุรี เป็นต้น

ส่วนเม็ดเงินลงทุนสำหรับโครงการที่มีศักยภาพทั้ง 8 โครงการข้างต้นนั้น บริษัทฯ ไม่ได้นำเงินลงทุนมารวมอยู่ในงบการลงทุนปีนี้ จนกว่าโครงการดังกล่าวจะมีความชัดเจนมากกว่านี้

นายพงษ์ดิษฐกล่าวว่า ในปีหน้าจะมีโรงไฟฟ้าใหม่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์จำนวน 3 โครงการ คือ โรงไฟฟ้าราชบุรีเวอล์ด โคเจนเนอเรชั่น กำลังผลิต 210 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าหงสา และโครงการสงขลาชีวมวลขนาด 9.9 เมกะวัตต์ ส่วนโรงไฟฟ้าเซเปียน เซน้ำน้อย และโรงไฟฟ้านวนครอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2559

ดังนั้น ในปี 2558 บริษัทวางเป้าหมายมูลค่าองค์กร (Enterprise Value) อยู่ที่ 1.33 แสนล้านบาท จาก 9 เดือนแรกปีนี้ที่มีมูลค่าองค์กรอยู่ที่ 1.19 แสนล้านบาท และตั้งเป้าในปี 2566 จะมีมูลค่าองค์กรเพิ่มขึ้นเป็น 2.82 แสนล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น