xs
xsm
sm
md
lg

RATCHจีบปตท. ถือหุ้นโรงไฟฟ้าพม่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ผลิตไฟฟ้าราชบุรีฯ จีบปตท.ถือหุ้น 40%ในโครงการโรงไฟฟ้าปากเหมืองที่เชียงตุง ประเทศเมียนมาร์ ขนาดกำลังผลิต 600เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 4-5 หมื่นล้านบาท เตรียมเสนอบอร์ดชี้ขาดยื่นประมูลโรงไฟฟ้าที่มัณฑะเลย์ ขนาด 200 เมกะวัตต์ หลังพบมีความเสี่ยงสูงแต่ผลตอบแทนการลงทุนแค่ 12%

นายพงษ์ดิษฐ พจนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RATCH) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOA) โครงการโรงไฟฟ้าปากเหมืองถ่านหินขนาด 600 เมกะวัตต์ที่เชียงตุง ประเทศเมียนมาร์ภายใน1-2เดือนข้างหน้านี้ หลังจากบริษัท ได้ส่งผลการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการดังกล่าวต่อรัฐบาลเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา คาดว่าโครงการดังกล่าวจะใช้เงินลงทุน 4-5 หมื่นล้านบาท และผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในปี 2562-2563

โครงการนี้จะคล้ายกับโรงไฟฟ้าหงสา ที่สปป.ลาว เนื่องจากเป็นโรงไฟฟ้าปากเหมือง ที่ต้องมีการเปิดเหมืองเพื่อนำถ่านหินลิกไนต์มาป้อนให้กับโรงไฟฟ้าดังกล่าว คาดว่าในปีหน้าจะดำเนินการจัดหาผู้รับเหมาก่อสร้างและแหล่งเงินกู้ ไปพร้อมกับเจรจาขายไฟฟ้าให้ไทย เบื้องต้นจะขายไฟให้ไทยประมาณ 400 เมกะวัตต์ ที่เหลือจะเป็นการขายไฟฟ้าที่เชียงตุงและพื้นที่ใกล้เคียงโดยไฟฟ้าที่เสนอขายให้เมียนมาร์นั้นอาจปรับเปลี่ยนเพิ่มขึ้นหากความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอนาคต

นายพงษ์ดิษฐ กล่าวต่อไปว่า โครงการนี้ บริษัทฯจะถือหุ้น 55% บริษัท ลำพูนดำ ซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทานเหมืองถ่านหินดังกล่าว ถือหุ้น 5% และอยู่ระหว่างเจรจาให้ปตท. เข้ามาถือหุ้นในโครงการดังกล่าว 40% ซึ่งปตท.ก็สนใจที่จะเข้ามาร่วมทุน โดยจะถือหุ้นในนามบริษัทลูกปตท.

นอกจากนี้ บริษัทฯยังสนใจลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซฯเป็นเชื้อเพลิงขนาดกำลังผลิต 200 เมกะวัตต์ที่มัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ หลังจากผ่านการพิจารณาคัดเลือกในรอบแรกเป็นอันดับ 2 จาก 8 ราย โดยในปลายเดือนต.ค.นี้กำหนดให้จะยื่นเสนอรายละเอียดค่าไฟฟ้าเป็นครั้งสุดท้าย และคาดว่าจะรู้ผลผู้ชนะประมูลในปลายเดือนพ.ย. นี้

อย่างไรก็ตาม ในเร็วๆนี้ จะเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทฯว่าจะยื่นประมูลโครงการดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากโครงการดังกล่าวยังมีความเสี่ยงหลายเรื่อง ทั้งคุณภาพก๊าซฯที่รัฐบาลไม่ได้การันตีทำให้มีความเสี่ยงในการผลิตไฟฟ้า รวมทั้ง ความถี่ไฟฟ้าของระบบไฟฟ้าที่ผันผวนสูงในเมียนมาร์ ทำให้โรงไฟฟ้ามีโอกาสต้องหยุดเครื่องได้ และการจัดหาแหล่งเงินกู้ ที่ทำได้ยาก
หรือมีต้นทุนทางการเงินที่สูง เมื่อเทียบกับผลตอบแทนการลงทุน (IRR)อยู่ที่ 12-13% ซึ่งไม่สูงมากนักเมื่อเทียบความเสี่ยงทางธุรกิจ

ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มะริด ประเทศเมียนมาร์ ขนาด 2.64 พันเมกะวัตต์นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้โครงการ 9 เดือนหลังจากนั้นจะประมูลการก่อสร้างโรงไฟฟ้า รวมทั้งการเจรจาขายไฟฟ้าให้ไทย 2 พันเมกะวัตต์ในปีถัดไป คาดว่าใช้เงินลงทุนในการพัฒนาโครงการ 1.70
แสนล้านบาทใช้ถ่านหินนำเข้าจากอินโดนีเซียเป็นเชื้อเพลิง คาดว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์เฟสแรก 1 พันเมกะวัตต์ในปี 2563 และเฟสถัดไปที่เหลือในปี 2564

โครงการนี้ บริษัทฯ ถือหุ้น 45% ที่เหลือเป็นการถือหุ้นของพันธมิตรทั้ง 3 ราย คือ บริษัท บลู เอนเนอร์ยี่ แอนด์ เอ็นไวรอนเม้นท์ จำกัด, Vantage Company Limited (Myanmar) และ Kyaw Kyaw Phyo Company Limited (Myanmar)
กำลังโหลดความคิดเห็น