xs
xsm
sm
md
lg

RATCH หวั่นโรงไฟฟ้าเชียงตุงปิ๋ว จ่อทบทวนขายให้พม่าเพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผลิตไฟฟ้าราชบุรีฯ เตรียมทบทวนเงื่อนไขการขายไฟในโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เชียงตุง ประเทศพม่า โดยจะเพิ่มสัดส่วนขายไฟป้อนพม่ามากขึ้นจากเดิม 10% หลังมีสิทธิ์ปิ๋วไม่ได้อนุมัติ เหตุพม่าต้องการให้โรงไฟฟ้าขายไฟในประเทศมากกว่าส่งขายเพื่อนบ้าน

นายพงษ์ดิษฐ พจนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RATCH) เปิดเผยความคืบหน้าการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศว่า บริษัทเตรียมทบทวนเงื่อนไขการขายไฟฟ้าในโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เชียงตุง ประเทศพม่า ขนาดกำลังผลิต 600 เมกะวัตต์ จากเดิมที่ขายในพม่า 10% ที่เหลือส่งขายเข้าประเทศไทย เนื่องจากรัฐบาลพม่าอยากให้มีการจ่ายไฟฟ้าในประเทศมากกว่าการส่งขายไปต่างประเทศ

ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ส่งผลศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินปากเหมืองที่เชียงตุงตั้งแต่เดือนเมษายน หลังจากได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงเบื้องต้น (เอ็มโอยู) ไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติผลการศึกษาดังกล่าวจากภาครัฐ จึงยังไม่ได้ทำผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)

“โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเชียงตุงมีแผนจะขายไฟฟ้าป้อนในพื้นที่ดังกล่าวเพียง 10% ของกำลังผลิต เนื่องจากความต้องการใช้ไฟในพื้นที่บริเวณนั้นไม่มาก แต่พม่าอยากให้สร้างโรงไฟฟ้าเพื่อประโยชน์ในการใช้ภายในประเทศมากกว่าส่งขายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเมื่อสองสัปดาห์ก่อนหน้านี้ตนได้เดินทางไปพม่า ทางเจ้าหน้าที่รัฐอยากให้บริษัทฯ ทบทวนการจ่ายไฟฟ้าในประเทศพม่าจากเดิม 10% ให้เพิ่มมากกว่านี้ มิฉะนั้นโครงการดังกล่าวอาจไม่ผ่านการอนุมัติได้ ซึ่งเรื่องนี้บริษัทคงต้องมีการทบทวนและหารือกับรัฐบาลพม่าใหม่ภายใต้เงื่อนไขว่าโครงการนี้ต้องมีผลตอบแทนการลงทุนที่คุ้มค่าเชิงพาณิชย์ด้วย เพราะหากต้องลดขนาดโครงการลงอาจทำให้ต้นทุนค่าไฟสูงเกินไป ก็จะเป็นอุปสรรคในการขายไฟฟ้ากลับไทยได้”

นายพงษ์ดิษฐกล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ ยังเตรียมยื่นข้อเสนอครั้งสุดท้ายในการประมูลโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงขนาดกำลังผลิต 200 เมกะวัตต์ที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่าในเดือนกันยายนนี้ หลังจากได้เลื่อนการปิดรับซองประมูลมา 2 เดือนเนื่องจากมีผู้ผ่านการคัดเลือกในรอบแรกหลายรายสอบถามรายละเอียดต่างๆ เพราะเงื่อนไขในทีโออาร์ไม่นิ่ง คาดว่าจะรู้ผลการประมูลโครงการดังกล่าวในเดือนตุลาคมนี้

โครงการนี้นับเป็นโครงการโรงไฟฟ้าต้นแบบที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (พีพีเอ) ระหว่างรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าของพม่ากับบริษัทเอกชน

ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 2,500 เมกะวัตต์ที่มะริด ประเทศพม่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างยื่นเพื่อขอลงนามบันทึกช่วยจำ (เอ็มโอยู) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการกับการไฟฟ้าของพม่าและรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือนกันยายนนี้ และจะใช้เวลาในการทำผลการศึกษาฯ 8-12 เดือน

เนื่องจากขนาดโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มะริดมีขนาดใหญ่ 2,500 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุน 5-6 พันล้านเหรียญสหรัฐ จึงแบ่งการพัฒนาโครงการออกเป็น 2 ระยะ ระยะละ 2 ยูนิต โดยจะใช้ถ่านหินคุณภาพดีนำเข้าจากต่างประเทศเป็นหลัก โดยโครงการนี้ได้ผ่านการเห็นชอบจากชุมชนในพื้นที่มีส่วนร่วมด้วย ซึ่งไฟฟ้าที่ผลิตได้จะขายในพม่าเท่าที่รัฐบาลต้องการก่อน ที่เหลือจึงส่งไฟฟ้าขายกลับไทยน่าจะอยู่ที่ระดับ 2,000 เมกะวัตต์

สำหรับพันธมิตรร่วมทุนนั้น บริษัทฯ ถือหุ้น 45% บริษัท บลู เอนเนอยี่ฯ 20% ที่เหลือเป็นบริษัทท้องถิ่น และรัฐบาลพม่า

นายพงษ์ดิษฐกล่าวถึงความคืบหน้าแผนการสร้างคลังแอลเอ็นจีของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัทลูกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกันระหว่าง กฟผ.ในฐานะบริษัทแม่ บมจ.ผลิตไฟฟ้า (เอ็กโก กรุ๊ป) และผลิตไฟฟ้าราชบุรี ฯ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีจากต่างประเทศ รวมไปถึงการลงทุนสร้างท่าเรือ คลัง และอุปกรณ์การแปลงสภาพจากของเหลวเป็นก๊าซฯ เพื่อป้อนให้โรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซฯ ของกลุ่ม กฟผ. ซึ่งมีกำลังผลิตรวม 1.4-1.5 หมื่นเมกะวัตต์ แบ่งเป็นของราชบุรี 5 พันเมกะวัตต์

โครงการดังกล่าวจะทำให้บริษัทฯ สามารถควบคุมต้นทุนได้เองและลดต้นทุนค่าก๊าซฯ ลงมาด้วยจากเดิมที่ซื้อจาก ปตท. อย่างไรก็ตาม ทาง กฟผ.ก็ยังมีการหารือร่วมกับ ปตท.ที่อาจจะร่วมทุนในโครงการดังกล่าวในอนาคตได้ เพื่อไม่ให้ต่างคนต่างทำกัน แต่ก็กังวลว่าจะมีข้อครหาว่าจับมือกันผูกขาดได้

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำหนดระเบียบเปิดให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบส่งก๊าซธรรมชาติและสถานีแอลเอ็นจีแก่บุคคลที่สาม (Third Party Access Regime : TPA Regime ) ได้ในกลางปีหน้า เชื่อว่ายังไม่มีภาคเอกชนรายใดพร้อมนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีได้รวมทั้ง กฟผ. เพราะต้องหาทำเลในการสร้างคลัง และหน่วยแปลงสภาพฯ ซึ่งต้องใช้เวลาก่อสร้างอีก 3 ปี


กำลังโหลดความคิดเห็น