ASTVผู้จัดการรายวัน - ช.การช่าง เชื่ออานิสงส์ คสช. เดินหน้าระบบโครงสร้างพื้นฐาน 2.4 ล้านล้าน ตั้งเป้าประมูลงานได้ 25% หนุนรายได้ปี 59 ทะลุ 40,000 ล้านบาท เผยงานก่อสร้างสถานีและอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน สายสีน้ำเงิน คืบหน้าแล้วร้อยละ 57.8
นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด(มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่า จากการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เดินหน้าโครงการระบบโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่า 2.4 ล้านล้านบาท จะส่งผลให้อุตสาหกรรมก่อสร้างคึกคักขึ้น ซึ่งบริษัทมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างต่างๆและงานลงทุนพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานของรัฐ ตามแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศไทยของ คสช. อาทิ โครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสายต่างๆ โครงการรถไฟฟ้าทางคู่ โครงการทางด่วนและมอเตอร์เวย์
โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึก โครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ โครงการเขื่อนและโรงไฟฟ้า โครงการบริหารจัดการน้ำในการเข้าร่วมลงทุนดำเนินการกับภาครัฐในโครงการสาธารณูปโภคซึ่งเป็นจุดเด่นของบริษัท บริษัทสามารถร่วมพัฒนาโครงการกับบริษัทในกลุ่ม เช่น BECL TTW BMCL และ CKP และขณะนี้บริษัทได้เสริมความแข็งแกร่งและเตรียมความพร้อมไว้อย่างเต็มที่ทั้งในด้านของกำลังคน ประสบการณ์ ความเชียวชาญฯ สามารถลงทุนดำเนินการได้ทันทีทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะการแข่งขันใน AEC ซึ่งบริษัทจะมุ่งเน้นไปที่ประเทศลาว และ พม่า ซึ่งบริษัทมีความคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าที่จะประมูลงานระบบโครงสร้างพื้นฐาน 2.4 ล้านล้านบาทของรัฐบาลได้ประมาณ 20-25% ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีรายได้ปีละไม่น้อยกว่า 40,000 ล้านบาทนับจากปี 2559 ส่วนผลประกอบการครึ่งปีแรก 2557 ทางบริษัทมีรายได้รวม 18,044 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 677 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้กว่า 33,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ที่ 30,000 ล้านบาท มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 8-10% เนื่องจากในไตรมาส3 ปีนี้จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้น BMCL อีกกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ(Backlog)มูลค่ากว่า 101,000 ล้านบาท โดยงานเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ให้บริษัทในอีก 3-4 ปีข้างหน้า
“ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจก่อสร้างและการลงทุนพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานครบวงจร ช.การช่างมีความพร้อมทั้งด้านเงินทุน บุคลากร ประสบการณ์อันยาวนานในอุตสาหกรรม พร้อมเทคโนโลยีการดำเนินงานที่ทันสมัย ทั้งนี้กลุ่มบริษัท ช.การช่าง พร้อมขานรับนโยบายของรัฐบาล เกี่ยวกับ PPP หรือ การร่วมทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ที่จะร่วมพัฒนาระบบโครงสร้างระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของประเทศไทย ที่จะส่งเสริมให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเป็นการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน”
ส่วนภาพรวมของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังปี 2557 ผลประกอบการจะดีขึ้น เพราะปัจจัยลบที่กังวลไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ แรงงานขาดแคลนและราคาวัสดุที่คาดว่าจะปรับขึ้น ไม่เกิดขึ้นแล้ว ทำให้บริษัทสามารถดำเนินงานได้ตามแผนคาดว่าสิ้นปีนี้จะรักษาอัตรากำไรไว้ที่ 10%
สำหรับความคืบหน้าของการก่อสร้างโครงการใหญ่ล้วนเป็นไปตามแผน เช่น งานก่อสร้างสถานีและอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน ก้าวหน้า 57.8% งานก่อสร้างสถานีและทางวิ่งรถไฟฟ้าสายสีเขียว ก้าวหน้า 43.8% งานก่อสร้างทางด่วนศรีรัช-วงแหวน ก้าวหน้า 18.1 % โครงการผลิตไฟฟ้าฝายไซยะบุรีใน สปป.ลาว ก้าวหน้า 39% รวมถึงงานจัดซื้อระบบรถไฟฟ้าสายสีม่วงซึ่งจะเริ่มผลิตขบวนรถในประเทศญี่ปุ่นปลายปีนี้และจะส่งมอบถึงไทยในปลายปี 2558 เพื่อติดตั้งและทดสอบระบบ
ทั้งนี้ในส่วนของการลงทุนในบริษัทต่างๆ เช่น บริษัททางด่วนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BECL ,บริษัทน้ำประปาไทย จำกัด(มหาชน) หรือ TTW ,บริษัทซีเคพาวเวอร์ จำกัด(มหาชน) หรือ CKP ล้วนมีผลประกอบการที่ดีสร้างกำไรและเงินปันผล ทั้งนี้การเติบโตของธุรกิจพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาประเทศมีแนวโน้มเติบโตอย่างมาก คาดว่า ผลประกอบการของบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BMCL จะมีกำไรในอีก 1 ถึง 2 ปีข้างหน้า ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงคาดว่าจะเปิดให้บริการได้กลางปี 2559 เร็วกว่าแผนและมีโอกาสเป็นอย่างมากที่จะเป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจอย่างมาก
สำหรับงานที่รอลงนามและอยู่ระหว่างเจรจา นั้น บริษัทเตรียมลงนามในสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเฟส 2 ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท ในเดือนตุลาคมนี้ และบริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาก่อสร้างขยายกำลังการผลิตน้ำปะปาให้แก่ TTW มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท รวมทั้งโครงการก่อสร้างเขื่อนน้ำบากที่สปป.ลาว มูลค่าประมาณ 17,000 ล้านบาท
ในส่วนของการลงทุนในบริษัทต่างๆ เช่น บริษัททางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน ) (BECL) บริษัทน้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน ) (TTW) บริษัทซีเคพาวเวอร์ จำกัด (มหาชน ) (CKP) ล้วนแล้วแต่มีผลประกอบการที่ดีสร้างกำไรและเงินปันผลจำนวนมากกับสู่บริษัท นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มการเจริญเติบโตอย่างโดดเด่นเพราะเป็นธุรกิจพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน ) (BMCL) ที่มีแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างมาก โดยคาดว่าจะมีกำไรในอีก 1 ถึง 2 ปี ข้างหน้า ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงคาดว่าจะเปิดให้บริการได้กลางปี 2559 เร็วกว่าแผนเดิมและมีโอกาสเป็นอย่างมากที่จะเป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจเป็นอย่างมาก.
นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด(มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่า จากการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เดินหน้าโครงการระบบโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่า 2.4 ล้านล้านบาท จะส่งผลให้อุตสาหกรรมก่อสร้างคึกคักขึ้น ซึ่งบริษัทมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างต่างๆและงานลงทุนพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานของรัฐ ตามแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศไทยของ คสช. อาทิ โครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสายต่างๆ โครงการรถไฟฟ้าทางคู่ โครงการทางด่วนและมอเตอร์เวย์
โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึก โครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ โครงการเขื่อนและโรงไฟฟ้า โครงการบริหารจัดการน้ำในการเข้าร่วมลงทุนดำเนินการกับภาครัฐในโครงการสาธารณูปโภคซึ่งเป็นจุดเด่นของบริษัท บริษัทสามารถร่วมพัฒนาโครงการกับบริษัทในกลุ่ม เช่น BECL TTW BMCL และ CKP และขณะนี้บริษัทได้เสริมความแข็งแกร่งและเตรียมความพร้อมไว้อย่างเต็มที่ทั้งในด้านของกำลังคน ประสบการณ์ ความเชียวชาญฯ สามารถลงทุนดำเนินการได้ทันทีทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะการแข่งขันใน AEC ซึ่งบริษัทจะมุ่งเน้นไปที่ประเทศลาว และ พม่า ซึ่งบริษัทมีความคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าที่จะประมูลงานระบบโครงสร้างพื้นฐาน 2.4 ล้านล้านบาทของรัฐบาลได้ประมาณ 20-25% ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีรายได้ปีละไม่น้อยกว่า 40,000 ล้านบาทนับจากปี 2559 ส่วนผลประกอบการครึ่งปีแรก 2557 ทางบริษัทมีรายได้รวม 18,044 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 677 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้กว่า 33,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ที่ 30,000 ล้านบาท มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 8-10% เนื่องจากในไตรมาส3 ปีนี้จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้น BMCL อีกกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ(Backlog)มูลค่ากว่า 101,000 ล้านบาท โดยงานเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ให้บริษัทในอีก 3-4 ปีข้างหน้า
“ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจก่อสร้างและการลงทุนพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานครบวงจร ช.การช่างมีความพร้อมทั้งด้านเงินทุน บุคลากร ประสบการณ์อันยาวนานในอุตสาหกรรม พร้อมเทคโนโลยีการดำเนินงานที่ทันสมัย ทั้งนี้กลุ่มบริษัท ช.การช่าง พร้อมขานรับนโยบายของรัฐบาล เกี่ยวกับ PPP หรือ การร่วมทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ที่จะร่วมพัฒนาระบบโครงสร้างระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของประเทศไทย ที่จะส่งเสริมให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเป็นการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน”
ส่วนภาพรวมของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังปี 2557 ผลประกอบการจะดีขึ้น เพราะปัจจัยลบที่กังวลไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ แรงงานขาดแคลนและราคาวัสดุที่คาดว่าจะปรับขึ้น ไม่เกิดขึ้นแล้ว ทำให้บริษัทสามารถดำเนินงานได้ตามแผนคาดว่าสิ้นปีนี้จะรักษาอัตรากำไรไว้ที่ 10%
สำหรับความคืบหน้าของการก่อสร้างโครงการใหญ่ล้วนเป็นไปตามแผน เช่น งานก่อสร้างสถานีและอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน ก้าวหน้า 57.8% งานก่อสร้างสถานีและทางวิ่งรถไฟฟ้าสายสีเขียว ก้าวหน้า 43.8% งานก่อสร้างทางด่วนศรีรัช-วงแหวน ก้าวหน้า 18.1 % โครงการผลิตไฟฟ้าฝายไซยะบุรีใน สปป.ลาว ก้าวหน้า 39% รวมถึงงานจัดซื้อระบบรถไฟฟ้าสายสีม่วงซึ่งจะเริ่มผลิตขบวนรถในประเทศญี่ปุ่นปลายปีนี้และจะส่งมอบถึงไทยในปลายปี 2558 เพื่อติดตั้งและทดสอบระบบ
ทั้งนี้ในส่วนของการลงทุนในบริษัทต่างๆ เช่น บริษัททางด่วนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BECL ,บริษัทน้ำประปาไทย จำกัด(มหาชน) หรือ TTW ,บริษัทซีเคพาวเวอร์ จำกัด(มหาชน) หรือ CKP ล้วนมีผลประกอบการที่ดีสร้างกำไรและเงินปันผล ทั้งนี้การเติบโตของธุรกิจพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาประเทศมีแนวโน้มเติบโตอย่างมาก คาดว่า ผลประกอบการของบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BMCL จะมีกำไรในอีก 1 ถึง 2 ปีข้างหน้า ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงคาดว่าจะเปิดให้บริการได้กลางปี 2559 เร็วกว่าแผนและมีโอกาสเป็นอย่างมากที่จะเป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจอย่างมาก
สำหรับงานที่รอลงนามและอยู่ระหว่างเจรจา นั้น บริษัทเตรียมลงนามในสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเฟส 2 ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท ในเดือนตุลาคมนี้ และบริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาก่อสร้างขยายกำลังการผลิตน้ำปะปาให้แก่ TTW มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท รวมทั้งโครงการก่อสร้างเขื่อนน้ำบากที่สปป.ลาว มูลค่าประมาณ 17,000 ล้านบาท
ในส่วนของการลงทุนในบริษัทต่างๆ เช่น บริษัททางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน ) (BECL) บริษัทน้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน ) (TTW) บริษัทซีเคพาวเวอร์ จำกัด (มหาชน ) (CKP) ล้วนแล้วแต่มีผลประกอบการที่ดีสร้างกำไรและเงินปันผลจำนวนมากกับสู่บริษัท นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มการเจริญเติบโตอย่างโดดเด่นเพราะเป็นธุรกิจพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน ) (BMCL) ที่มีแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างมาก โดยคาดว่าจะมีกำไรในอีก 1 ถึง 2 ปี ข้างหน้า ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงคาดว่าจะเปิดให้บริการได้กลางปี 2559 เร็วกว่าแผนเดิมและมีโอกาสเป็นอย่างมากที่จะเป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจเป็นอย่างมาก.