“คาทริส” แบรนด์ดังจากเยอรมนี ดันไทยฮับความงามอาเซียน หลังซุ่มทำตลาด 3 ปี ยอดขายทะลักมากกว่าตลาด 2 เท่า ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งในช่องทางโมเดิร์นเทรด กลุ่มคัลเลอร์คอสเมติก ล่าสุดเตรียมเพิ่มจุดขายอีก 80 จุดสู่ 350 จุดขายในปี 58 มั่นใจส่งภาพรวมรายได้บริษัทโต 2 หลักตามแผน
นายอูเว ฟาเบอร์ บิลลอท ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท คอสโนว่า จีเอ็มบีเอช จำกัด เจ้าของแบรนด์ “คาทริส” (CATRICE) จากประเทศเยอรมนี เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดความงามในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งเชื่อว่าไทยจะก้าวสู่ฮับด้านความงามของภูมิภาคอาเซียนได้ ดังนั้นบริษัทจึงให้ความสำคัญต่อตลาดในไทยอย่างมาก ด้วยการส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
นางสาวศะศิรา โชติปรีชารัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เอ็ม.เอส. ฮาโซโน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ความงามจากต่างประเทศ กล่าวเสริมว่า บริษัทได้นำเข้าเครื่องสำอาง “คาทริส” เข้ามาจำหน่ายในไทยกว่า 3 ปี พบว่าได้รับการตอบรับดีมากและมีการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักทุกปี โดยปีนี้น่าจะเติบโตได้ถึง 45% มากกว่าตลาด 2 เท่า และเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มคัลเลอร์คอสเมติกในช่องทางโมเดิร์นเทรดด้วย
ส่งผลให้ในปีหน้าจะมีการเพิ่มจุดขายอีก 80 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด 50% เท่าๆ กัน จากปัจจุบันมีอยู่ 150-200 จุด หรือภายในปี 2558 จะมีจุดจำหน่ายไม่ต่ำกว่า 300-350 จุดในช่องทางโมเดิร์นเทรดอย่าง บู๊ทส์, วัตสัน, ซูรุฮะ และท็อปส์ เป็นต้น
สำหรับ “คาทริส” เป็นเครื่องสำอางระดับกลาง จำหน่ายในราคา 150-400 บาท เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 25 ปีขึ้นไป รวมทั้งกลุ่มคนที่ชื่นชอบแฟชั่น แต่ละปีมีการออกคอลเลกชันใหม่ 2 ครั้ง ล่าสุดเปิดตัว Winter Collection และ 4 Limited Edition มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค
ปัจจุบันภาพรวมตลาดเครื่องสำอางมีมูลค่า 16,918 ล้านบาท เติบโต 2 หลัก แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์แต่งหน้า 9,317 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ตกแต่งริมฝีปาก 4,580.6 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ตกแต่งรอบดวงตา 2,805.9 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์ตกแต่งเล็บ 214.8 ล้านบาท
นางสาวศะศิรา กล่าวต่อว่า “คาทริส” ถือเป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่สร้างรายได้ให้บริษัทเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยสัดส่วนกว่า 50% รองลงมาคือแบรนด์ “แคนเมค” (Canmake) และ “เซซานเน่” (Cezanne) จากทั้งหมดนำเข้าและจัดจำหน่ายทั้งสิ้น 7 แบรนด์ โดยแบรนด์ที่เหลือ ได้แก่ “คอสมอส” (Cosmos), “แซสตี้” (Chasty), “มาเพเพะ” (Mapepe) และ “มิส ฮานะ” (Miss Hana) โดยภาพรวมรายได้ของบริษัทในปีนี้มีอัตราการเติบโตเป็นไปในทิศทางเดียวกับยอดขายของเครื่องสำอาง “คาทริส” หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 40%