“เดอะมอลล์” ทุ่ม 2.5 พันล้านบาท สร้างจุดขาย/รีโนเวทใหม่ เจาะกลุ่มเป้าหมายรอง จัดทัพอีเว้นท์ 150 งาน เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว สูงสุดรอบ 5 ปี รับการแข่งขันปี 58 มั่นใจเศรษฐกิจฟื้น กำลังซื้อพร้อมจ่ายหลังอั้นมาตลอดปี ล่าสุดจัดหนัก เท 40 ล้านบาทส่งแคมเปญ “Joy to The Mall” ระหว่าง 20 พ.ย.57 - 4 ม.ค.58 คาดทราฟฟิคพุ่งอีก 30%
นางสาวดวงตา พงษ์วิไลย์ ผู้จัดการใหญ่การตลาด ศูนย์การค้า “เดอะ มอลล์” เปิดเผยว่า จากการแข่งขันที่สูงขึ้นในธุรกิจค้าปลีก เนื่องจากมีคอมมูนิตี้มอลล์และศูนย์การค้าใหม่ๆ เข้ามาเปิดให้บริการในพื้นที่ที่ “เดอะ มอลล์” ให้บริการเพิ่มขึ้น บวกกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปและจากกลุ่มเป้าหมายเดิมที่เริ่มมีอายุมากขึ้นโดยมีกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ เข้ามาแทนที่ ประกอบกับการคาดการณ์ว่าในปี 2558 กำลังซื้อพร้อมใช้จ่ายของผู้บริโภคจะมีมากขึ้นเนื่องจากมั่นใจในเศรษฐกิจและการทำงานของรัฐบาล “เดอะ มอลล์” จึงมีแผนที่จะปรับการให้บริการและรีโนเวทพื้นที่รองรับการแข่งขัน
ในปี 2558 บริษัทพร้อมใช้งบลงทุนกว่า 2.3-2.5 พันล้านบาท พัฒนาสู่ความเป็น Life is More at The Mall แบ่งเป็นงบการรีโนเวทสาขา 2 พันล้านบาท แบ่งเป็น “เดอะ มอลล์ โคราช” 1.6 พันล้านบาท โดยจะมีการสร้างอาคารด้านข้างขึ้นมาใหม่ พร้อมเพิ่มพื้นที่ชอปปิ้งมอลล์อีก 60% เพื่อนำเสนอแบรนด์ใหม่ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะแฟชั่นและร้านอาหารเช่นเดียวกับสาขาในกรุงเทพฯ มั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มทราฟฟิกได้อีก 30% จากเฉลี่ยอยู่ที่ 1 แสนคนต่อวัน โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในช่วงไตรมาส 2/58 แล้วเสร็จในช่วงปลายปี 58 นอกจากนี้ยังใช้งบประมาณอีก.400 ล้านบาทในการปรับ “เดอะ มอลล์ บางกะปิ” ในส่วนของร้านอาหารให้น่าสนใจและเพิ่มแบรนด์ใหม่ๆ มากขึ้น
ส่วนงบประมาณอีก 500 ล้านบาทจะใช้สำหรับการทำตลาดและการจัดกิจกรรมต่างๆ ตลอดปี ซึ่งเป็นงบที่ใช้สูงสุดในรอบ 5 ปีจากปกติจะใช้ปีละ 200 ล้านบาท โดยในปี 2558 เตรียมจัดไฮไลท์อีเว้นท์ที่ 150 งานตลอดปี เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว และเป็นการจัดอีเว้นท์ที่ยังไม่รวมอีเว้นท์ย่อยเฉพาะสาขาที่จะจัดขึ้นอีก โดยจะมีการจับมือกับพันธมิตรในการจัดอีเว้นท์มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แผนการดำเนินงานในปี 2558 จะอยู่ภายใต้ 5 กลยุทธ์หลักคือ 1.Experience 2.Brow up key attraction 3.Partnership 4.Digital และ 5.Promotion โดยการปรับภาพลักษณ์และเพิ่มบริการใหม่ๆ ครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเตรียมตัวเข้าสู่การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นแล้ว ยังเป็นการปรับภาพลักษณ์เพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นด้วย จากเดิมที่กลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่มครอบครัว แต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มเป้าหมายหลักเหล่านี้มีอายุเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีกลุ่มเป้าหมายรองเกิดขึ้นตามมาคือ กลุ่มวัยรุ่น กลุ่มเฟิร์สจ็อปเปอร์ รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งล้วนแต่มีกำลังซื้อที่น่าสนใจ
“การปรับภาพลักษณ์ใหม่ครั้งนี้เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มฐานกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ให้มาใช้บริการที่เดอะมอลล์มากขึ้น โดยต้องการให้กลุ่มครอบครัวยังคงสัดส่วนที่ 40% ส่วนกลุ่มคนวันทำงานอยู่ที่ 30% และกลุ่มเป้าหมายรองทั้งวัยรุ่นและผู้สูงอายุเพิ่มเป็น 10%”
ล่าสุดในช่วงปลายปีนี้ บริษัทยังพร้อมใช้งบกว่า 40 ล้านบาทจากงบทั้งปี 200 ล้านบาท สำหรับการจัดแคมเปญ “Joy to The Mall” ระหว่างวันที่ 20 พ.ย.57 - 4 ม.ค.58 โดยมั่นใจว่าจะช่วยให้มีทราฟฟิคเพิ่มขึ้นอีก 30% ในแต่ละสาขา จากปัจจุบัน “เดอะ มอลล์ บางกะปิ” มีทราฟฟิคมากสุด ประมาณ 1.5 แสนต่อวัน รองลงมาคือ “เดอะ มอลล์ บางแค” และ “เดอะ มอลล์ งามวงศ์วาน” เฉลี่ย 1 แสนคนต่อวัน
