xs
xsm
sm
md
lg

รพ.กรุงเทพผุดโลว์คอสต์คลินิก รุกหนักต่างประเทศ เป้าสู่ฮับอาเซียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายแพทย์ชาตรี ดวงเนตร
ASTVผู้จัดการรายวัน - เครือโรงพยาบาลกรุงเทพสบช่องทำเลทองเยาวราช ทุ่ม 800 ล้านบาทปรับโฉมอาคารสหธนาคาร เปิด “โรงพยาบาลกรุงเทพไชน่าทาวน์” ขนาด 59 เตียง สนองความต้องการชาวไทยเชื้อสายจีน ชาวจีน และชาวต่างชาติทั่วไป หวังใช้เป็นโมเดลรุกลงทุนเพิ่มในจีนตอนใต้ปี 59 หลังขยายสาขากัมพูชา พม่า ลาว และมาเลเซีย หวังก้าวเป็น Medical Hub แห่งอาเซียน

นายแพทย์ ชาตรี ดวงเนตร กรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการการแพทย์ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) และประธานคณะผู้บริหารศูนย์การแพทย์กรุงเทพ เปิดเผยว่า เครือโรงพยาบาลกรุงเทพใช้เงินลงทุน 800 ล้านบาทในการเปิดให้บริการ “โรงพยาบาลกรุงเทพไชน่าทาวน์” บนถนนเยาวราช โดยใช้อาคารเก่าของธนาคารสหธนาคาร บริเวณประตูเฉลิมพระเกียรติ จำนวน 2 อาคาร ความสูง 6 และ 8 ชั้น พร้อมที่จอดรถ 40 คัน โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการชาวไทยเชื้อสายจีนย่านเยาวราชในเขตสัมพันธวงศ์และบริเวณใกล้เคียง รวมถึงชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวและทำงานในประเทศไทย ตลอดจนชาวต่างชาติทั่วไป

โรงพยาบาลกรุงเทพไชน่าทาวน์ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกด้านบริการทางการแพทย์แก่ประชาชนย่านเยาวราชซึ่งมีความหนาแน่นของประชากรเป็นจำนวนมากและมีกำลังซื้อสูง แต่มีโรงพยาบาลระดับมาตรฐานเพียงไม่กี่แห่งในบริเวณใกล้เคียง นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของชาวจีน ทั้งในด้านบุคลากรที่สามารถสื่อสารภาษาจีนได้อย่างชำนาญและมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องประเพณีวัฒนธรรมต่างๆ ของชาวจีน โดยขณะนี้มีจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วย 30 เตียง และจะสามารถเปิดให้บริการครบ 59 เตียงได้ภายในปี 2559

“การขยายบริการครั้งนี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับกับการเปิดเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 พร้อมกับการก้าวสู่การเป็น Medical Hub แห่งอาเซียนเพื่อให้บริการทางการแพทย์ด้วยมาตรฐานระดับสากล โดยยังจะใช้โรงพยาบาลกรุงเทพไชน่าทาวน์เป็นโมเดลในการขยายการลงทุนไปยังประเทศจีนตอนใต้ภายในปี 2559 จากปัจจุบันที่มีการลงทุนในประเทศกัมพูชาแล้ว 2 แห่ง และกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณารายละเอียดการลงทุนเพิ่มในประเทศที่มีอาณาเขตชายแดนติดต่อกับประเทศไทย คือ พม่า ลาว และมาเลเซีย”

พิธีเปิด “โรงพยาบาลกรุงเทพไชน่าทาวน์” อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา
ปัจจุบัน เครือโรงพยาบาลกรุงเทพยังมีการลงทุนเพิ่มในประเทศอีก 6 แห่ง คือ รพ.เปาโล เมโมเรียล ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, รพ.สมิติเวช จ.ชลบุรี, รพ.กรุงเทพพัทยา จอมเทียน จ.ชลบุรี, รพ.กรุงเทพพัทยา จ.ระยอง, รพ.กรุงเทพ ภูเก็ต และ รพ.เมืองเพชรธนบุรี จ.เพชรบุรี รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 44 แห่ง โดยมีเป้าหมายจะลงทุนเพิ่มครบ 50 แห่งภายในปี 2558 ซึ่งจะทำให้เป็นโรงพยาบาลที่มีเครือข่ายสูงสุดเป็นลำดับ 4 ของโลกจากปัจจุบันที่ยังคงอยู่ในลำดับที่ 5

“สำหรับผลประกอบการในปี 2557 คาดว่าจะเติบโตขึ้นประมาณ 12% โดยในปี 2558 จะใช้งบประมาณ 10% ของรายได้ในการซ่อมแซมปรับปรุงและลงทุนเพิ่มในสัดส่วนเท่ากันคือ 50:50 โดยการลงทุนในต่างประเทศจะใช้เงินลงทุนประมาณ 700-800 ล้านบาทสำหรับโรงพยาบาลขนาดเล็กจำนวน 50 เตียง ส่วนโรงพยาบาลขนาดใหญ่จำนวน 100 เตียง ใช้งบประมาณ 1 พันล้านบาท ส่วนการลงทุนในประเทศมีนโยบายที่จะเน้นลงทุนในลักษณะ Low Cost ที่ให้บริการในระดับมาตรฐานแต่คิดค่าบริการไม่สูงมากนัก พร้อมกับขยายช่องทางการเปิดให้บริการคลินิกทางการแพทย์ที่ให้บริการด้านห้องแล็บบริการทางการแพทย์และศูนย์เอกซเรย์ในระดับราคาประมาณ 1 พันบาท ซึ่งขณะนี้มีให้บริการแล้ว 3 แห่งย่านวัชรพล มีนบุรี และเอเชียทีค”

ปัจจุบันเครือโรงพยาบาลกรุงเทพมีโรงพยาบาลระดับพรีเมียม 40% ระดับกลาง 40% และ Low Cost 20% โดยขณะนี้มี 6.5 พันเตียง คาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 7 พันเตียง และขยายเป็น 8 พันเตียงในปี 2558 ขณะที่มีจำนวนแพทย์มากถึง 9 พันราย คิดเป็นแพทย์ประจำ 3 พันราย พร้อมพยาบาล 8 พันราย ให้บริการผู้ป่วยประมาณ 2 หมื่นคนต่อวัน คิดเป็นสัดส่วนคนไทย 70% ต่างชาติ 30%

นายแพทย์ ชาตรีกล่าวด้วยว่า ชาวต่างชาติที่มาใช้บริการมากที่สุดคือ ชาวญี่ปุ่นที่พำนักอาศัยและทำงานในประเทศไทย รองลงมาคือนักเดินทางจากประเทศพม่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ บังกลาเทศ และสแกนดิเนเวียน ตามลำดับ โดยขณะนี้ เครือโรงพยาบาลกรุงเทพมีโรงพยาบาลที่ให้บริการเฉพาะชาวต่างชาติโดยเฉพาะคือชาวญี่ปุ่นและอาหรับ โดยอนาคตอันใกล้จะเปิดให้บริการเฉพาะชาวพม่าเพิ่มขึ้นอีก

การขยายการลงทุนและเพิ่มสาขาของเครือโรงพยาบาลกรุงเทพอย่างต่อเนื่องมีวัตถุประสงค์หลักคือ การขยายการให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชนคนไทยให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศก่อนที่จะเปิดเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนจากประเทศต่างๆ เดินทางเข้ามารับบริการมากขึ้น เนื่องจากแพทย์ไทยมีความสามารถในการให้บริการทางการแพทย์ทุกแขนงมากที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน

“เราไม่มีนโยบายซื้อกิจการ หรือเทกโอเวอร์โรงพยาบาลเอกชนรายอื่นๆ อีกทั้งยังไม่ได้ถือเป็นการครองตลาดแต่อย่างใด เพราะหากนับจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยแล้วเรามีสัดส่วนเพียง15-16% ของโรงพยาบาลเอกชน และมีเพียง 5% เท่านั้นเมื่อนับรวมกับโรงพยาบาลรัฐ” นายแพทย์ ชาตรีกล่าวในที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น