กระทรวงพลังงานย้ำไม่ขึ้นราคา LPG-NGV สิ้นปีนี้ และดีเซลยังไม่เกิน30 บาทต่อลิตรเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ แต่หลังจากนั้นปีหน้าต้องขยับและวอนประชาชนเข้าใจ คาดภาษีดีเซลขยับเป็น 4 บาท/หน่วย กลุ่มเบนซินจะลดลง LPG-NGV ต้องขึ้น เอกชนขอดีเซลไม่เกิน 32 บาทต่อลิตร
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในงานเสวนา “การปรับโครงสร้างพลังงาน การจัดการร่วมรัฐ เอกชน….จุดเปลี่ยนสำคัญสู่ความยั่งยืน” ที่จัดโดย ส.อ.ท. โดยย้ำให้ภาคประชาชนและอุตสาหกรรมเตรียมตัวรับการปรับโครงสร้างราคาพลังงานที่จะเกิดขึ้นช่วงหลังปีใหม่ เพราะโครงสร้างการใช้พลังงานของประเทศหากไม่ดำเนินการอะไรจะเป็นปัญหาในอนาคต เนื่องจากมีการพึ่งพาการนำเข้าปริมาณที่สูงขึ้นโดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ ดังนั้นต้องดูราคาให้เหมาะสมเพื่อการใช้ที่มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะแอลพีจีและเอ็นจีวีที่จะต้องให้สะท้อนต้นทุน
ทั้งนี้ โครงสร้างราคาแอลพีจีจะเพิ่มขึ้นสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพราะปัจจุบันนำเข้ามหาศาล จะไม่มีการอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปัจจุบันอุดหนุนกว่า 1,000 ล้านบาทต่อเดือน ส่วนภาษีสรรพสามิตน้ำมันจะปรับให้ใกล้เคียงกัน จากปัจจุบันเบนซินจัดเก็บ 5.60 บาท/หน่วย ดีเซล 0.75 บาท/หน่วย ส่วนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะปรับลดลง จากปัจจุบันเก็บเบนซิน 95 ที่ 9.65 บาท/หน่วย ดีเซล 3.70 บาท/หน่วย ก็จะมีการปรับลดลง ให้กองทุนฯ ทำหน้าที่รักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเท่านั้น ส่วนแก๊สโซฮอล์ 91 จะยกการจำหน่ายหรือไม่ กำลังพิจารณาความเหมาะสม เพราะต้องยอมรับว่ามอเตอร์ไซค์ใช้น้ำมันตัวนี้จำนวนมาก
“ปัจจุบันภาษีดีเซลและกองทุนฯ รวมแล้วประชาชนจ่าย 4 บาท/หน่วย และเมื่อปรับโครงสร้างราคาใหม่ ในส่วนนี้จะย้ายไปเป็นภาษี ก็จะทำให้ราคาน้ำมันไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งโชคดีช่วงนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง การปรับโครงสร้างก็จะไม่กระทบต่อประชาชน” นายณรงค์ชัยกล่าว
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาแผนการปรับโครงสร้างราคาพลังงานในอนาคตให้สอดคล้องกับภาครัฐบาลที่กำลังปรับโครงสร้างพลังงาน โดยจะพิจารณาถึงการรณรงค์ประหยัดพลังงานและแนวโน้มราคาที่ควรจะเป็นเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยราคาน้ำมันดีเซลที่พอรับได้และไม่เกิดผลกระทบ เช่น ราคาดีเซล ไม่ควรเกิน 32 บาทต่อลิตร ซึ่งจะมีการสรุปเสนอต่อนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เร็วๆ นี้
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในงานเสวนา “การปรับโครงสร้างพลังงาน การจัดการร่วมรัฐ เอกชน….จุดเปลี่ยนสำคัญสู่ความยั่งยืน” ที่จัดโดย ส.อ.ท. โดยย้ำให้ภาคประชาชนและอุตสาหกรรมเตรียมตัวรับการปรับโครงสร้างราคาพลังงานที่จะเกิดขึ้นช่วงหลังปีใหม่ เพราะโครงสร้างการใช้พลังงานของประเทศหากไม่ดำเนินการอะไรจะเป็นปัญหาในอนาคต เนื่องจากมีการพึ่งพาการนำเข้าปริมาณที่สูงขึ้นโดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ ดังนั้นต้องดูราคาให้เหมาะสมเพื่อการใช้ที่มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะแอลพีจีและเอ็นจีวีที่จะต้องให้สะท้อนต้นทุน
ทั้งนี้ โครงสร้างราคาแอลพีจีจะเพิ่มขึ้นสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพราะปัจจุบันนำเข้ามหาศาล จะไม่มีการอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปัจจุบันอุดหนุนกว่า 1,000 ล้านบาทต่อเดือน ส่วนภาษีสรรพสามิตน้ำมันจะปรับให้ใกล้เคียงกัน จากปัจจุบันเบนซินจัดเก็บ 5.60 บาท/หน่วย ดีเซล 0.75 บาท/หน่วย ส่วนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะปรับลดลง จากปัจจุบันเก็บเบนซิน 95 ที่ 9.65 บาท/หน่วย ดีเซล 3.70 บาท/หน่วย ก็จะมีการปรับลดลง ให้กองทุนฯ ทำหน้าที่รักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเท่านั้น ส่วนแก๊สโซฮอล์ 91 จะยกการจำหน่ายหรือไม่ กำลังพิจารณาความเหมาะสม เพราะต้องยอมรับว่ามอเตอร์ไซค์ใช้น้ำมันตัวนี้จำนวนมาก
“ปัจจุบันภาษีดีเซลและกองทุนฯ รวมแล้วประชาชนจ่าย 4 บาท/หน่วย และเมื่อปรับโครงสร้างราคาใหม่ ในส่วนนี้จะย้ายไปเป็นภาษี ก็จะทำให้ราคาน้ำมันไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งโชคดีช่วงนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง การปรับโครงสร้างก็จะไม่กระทบต่อประชาชน” นายณรงค์ชัยกล่าว
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาแผนการปรับโครงสร้างราคาพลังงานในอนาคตให้สอดคล้องกับภาครัฐบาลที่กำลังปรับโครงสร้างพลังงาน โดยจะพิจารณาถึงการรณรงค์ประหยัดพลังงานและแนวโน้มราคาที่ควรจะเป็นเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยราคาน้ำมันดีเซลที่พอรับได้และไม่เกิดผลกระทบ เช่น ราคาดีเซล ไม่ควรเกิน 32 บาทต่อลิตร ซึ่งจะมีการสรุปเสนอต่อนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เร็วๆ นี้