“ประจิน” สั่ง ทอท.ทบทวนแผนพัฒนาสนามบินดอนเมืองเฟส 3 ใหม่ เน้นใช้ประโยชน์พื้นที่ตรงข้าม ทอ.ฟื้นอาคารในประเทศและคลังสินค้าให้บริการผู้โดยสาร คาดลงทุน 1.5 หมื่นล้าน เหตุเนื้องานเพิ่ม ส่วนภูเก็ตเล็งเจรจาเอกชนซื้อที่ดินขยายแท็กซี่่เวย์
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้ให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ทบทวนแผนพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 ใหม่ โดยจะมีการขยายพื้นที่ลานจอด ปรับปรุงทางวิ่ง ทางขับ ลานจอดรถ ทางเชื่อมเข้า Airside ปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร คลังสินค้าและโรงซ่อมอากาศยาน ซึ่งต้องยอมรับว่าสนามบินดอนเมืองมีพื้นที่จำกัดและต้องไม่กระทบต่อพื้นที่ความมั่นคงที่อยู่ใกล้กับกองทัพอากาศ (ทอ.) ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนในกรอบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท
ส่วนการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะ 2 วงเงินลงทุนรวมจะอยู่ที่ประมาณ 8.1 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย การพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิระยะ 2 วงเงินลงทุน 6.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านคนเป็น 60 ล้านคนต่อปี และการก่อสร้างทางวิ่งเส้นทางที่ 3 (รันเวย์) 1.9 หมื่นล้านบาทซึ่งต้องดำเนินการเพราะเป็นเรื่องที่จำเป็น
สำหรับท่าอากาศยานภูเก็ต มีแนวคิดใหม่ที่จะขยายพื้นที่เพิ่มเติม ซึ่งอยู่ระหว่างติดต่อขอซื้อที่ดิน 2 แปลงจากเอกชนเพื่อขยายทางขับ (แท็กซี่เวย์) ด้านตรงข้ามอาคารผู้โดยสารเพื่อเพิ่มความสะดวกในการขึ้น-ลงของเครื่องบิน และรองรับเที่ยวบินเพิ่มขึ้น ซึ่งท่าอากาศยานภูเก็ตมีข้อจำกัดทางกายภาพ ดังนั้น ได้มอบหมายให้กรมการบินพลเรือน (บพ.) เร่งปรับปรุงท่าอากาศยานกระบี่ เพิ่มขีดความสามารถและสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น เส้นทางเข้าออก ทั้งนี้เพื่อให้การบริการของทั้งสองท่าอากาศยานสนับสนุนกัน โดยต้องการลดระยะเวลาในการเดินทางโดยรถยนต์จากท่าอากาศยานกระบี่-ภูเก็ต จากปัจจุบันมากกว่า 2 ชม.เหลือไม่เกิน 2 ชม.
“พัฒนาสนามบินดอนเมือง ทอท.ต้องไปทบทวนแผนใหม่เพื่อให้การใช้พื้นที่หมาะสมมากขึ้น และควรปรับปรุงอาคารผู้โดยสารภายในประเทศและคลังสินค้าบางส่วนมาให้บริการผู้โดยสาร ขณะเดียวกันต้องดูว่าลานจอดเพียงพอหรือไม่ นอกจากนี้ อาจจะต้องมีการทำต่อทางขับ (แท็กซี่เวย์) เพื่อให้รองรับการขึ้นลงของเครื่องบินได้เพิ่มขึ้น เป็นต้น” พล.อ.อ.ประจินกล่าว
สำหรับแผนการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมืองระยะ 2 วงเงิน 3,304 ล้านบาท ประกอบด้วย งานปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร 2 งานติดตั้งระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า งานระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ และระบบไอที งานซ่อมแซมทางเชื่อม South Corridor งานซ่อมอาคารสะพานเทียบเครื่องบินหมายเลข 5 (Pier 5) เป็นต้น ซึ่ง ทอท.ได้ปรับการดำเนินงาน จากวิธีพิเศษเป็นเปิดประมูลเพื่อความโปร่งใสทำให้การเปิดให้บริการจะล่าช้าจากกำหนดเดิมในปี 2557 เป็นเดือนตุลาคม 2558 ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจาก 18.5 ล้านคนเป็น 30 ล้านคนต่อปี
ส่วนแผนพัฒนาสนามบินดอนเมือง ระยะที่ 3 เดิมมีวงเงินประมาณ 7,000 ล้านบาท จะมีการปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร 1 ใหม่ทั้งหมด เปลื่ยนบันไดเลื่อน ระบบสายพานกระเป๋า ซื้อเครื่อง X-ray ใหม่ นอกจากนี้จะมีการซ่อมบำรุง (Overlay) รันเวย์ครั้งใหญ่ ปรับปรุงระบบไฟสนามบิน ปรับปรุงอาคารเทียบเครื่องบิน North Corridor, South Corridor, อาคารเทียบเครื่องบินหมายเลข 6, ต่อเติมลานจอดระยะไกล, ขยายไหล่ทางวิ่งฝั่งตะวันตก และทางขับ, ปรับปรุงอาคารผู้โดยสารในประเทศหลังเก่าเพื่อรองรับเครื่องบินที่เปลี่ยนสถานที่บินลง (divert) หรือศูนย์กรณีอากาศยานเกิดอุบัติเหตุ และปรับปรุงรันเวย์อีกประมาณ 1,000 ล้านบาทเพื่อรองรับการขึ้นลงได้ 60 เที่ยวบินต่อชั่วโมง
นอกจากนี้ ทอท.ยังมีแนวคิดที่จะพัฒนาบริเวณคลังสินค้า3-4 เพื่อเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกในการให้บริการผู้โดยสารในลักษณะที่ตอบสนอง Lifestyle วงเงินลงทุนประมาณ 9,000 ล้านบาทอีกด้วย
นายนิรันดร์ ธีรนาทสิน กรรมการและรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ (เอ็มดี) ทอท. กล่าวว่า ในวันที่ 28 ตุลาคมนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. ซึ่งคาดว่าจะมีข้อสรุปที่ชัดเจนในการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 ที่ปรับปรุงใหม่ ส่วนการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมืองเฟส 3 คาดว่าจะมีการพิจารณาในลำดับต่อไป
