สมาคมมันสำปะหลังเผยผลสำรวจผลผลิตปี 57/58 มีแค่ 31.2 ล้านตัน คาดแนวโน้มราคาอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 2.30 บาท เหตุผลผลิตน้อยกว่าความต้องการ ผู้ผลิตต้องแย่งกันซื้อ และรัฐไม่มีสต๊อกคงเหลือ ขณะที่ความต้องการโลกก็มีเพิ่มขึ้น
นางสุรีย์ ยอดประจง นายกสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาหัวมันสดของไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เฉลี่ยที่กิโลกรัม (กก.) ละ 2.30 บาท และเชื่อว่าแนวโน้มราคามีทิศทางจะสูงขึ้น เพราะปริมาณผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ทั้งโรงแป้ง ลานมัน จะต้องเเข่งขันกันซื้อหัวมันสดจากชาวไร่ ประกอบกับรัฐบาลไม่มีสต๊อกมันสำปะหลังคงเหลือ ทำให้ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากเดือน ม.ค.-มี.ค. 2558 ราคาอาจผันผวนบ้าง แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วง
ทั้งนี้ ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนในการดึงผลผลิตส่วนเกินออกจากตลาดในช่วงที่ผลผลิตออกมามาก โดยสนับสนุนวงเงินและดอกเบี้ยอัตราพิเศษให้กับลานมันและโรงแป้ง ซึ่งมีศักยภาพในการดึงผลผลิตส่วนเกินออกจากตลาดได้สูง
สำหรับแนวโน้มการส่งออก ตลาดส่งออกสำคัญยังอยู่ที่ประเทศจีน โดยมีสัดส่วนมากกว่า 90% แต่เพื่อสร้างโอกาสและทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมมันของทั้งอาเซียนและของโลก ก็ควรเร่งทำตลาดเพิ่มไม่ว่าจะเป็นที่อินเดีย เกาหลีใต้และไต้หวัน
นายบุญชัย ศรีชัยยงพานิช ประธานคณะสำรวจภาวะการผลิตและการค้ามันสำปะหลัง ฤดูกาลผลิต 2557/58 กล่าวว่า ปีนี้ไทยจะมีผลผลิตมันสำปะหลังรวม 31.2 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 3% มีพื้นที่ปลูกรวม 8.8 ล้านไร่ มีผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 3.5 ตัน ซึ่งคาดว่าจะส่งออกมันเส้นและมันอัดเม็ดได้ 7.7 ล้านตัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และส่งออกแป้งมัน 1.57 ล้านตัน โดยจีนเป็นตลาดสำคัญ
สำหรับการผลิตในอาเซียน โดยรวมอยู่ที่ 72.3 ล้านตัน โดยผู้ผลิตสำคัญคือ ไทย รองลงมา เวียดนาม 9.7 ล้านตัน กัมพูชา 8.7 ล้านตัน ลาว 0.8 ล้านตัน เฉพาะ 4 ประเทศมีการผลิตรวม 36.3 ล้านตัน ขณะที่ความต้องการตลาดโลกรวม 39.9 ล้านตัน ซึ่งจะเห็นว่าปริมาณความต้องการสูงกว่าปริมาณการผลิต จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะสามารถบริหารจัดการเพื่อดูแลเสถียรภาพของราคามันสำปะหลังและรายได้ของเกษตรกร
นายสุชาติ สินรัตน์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า สินค้ามันสำปะหลังของไทยยังมีปัญหาเรื่องของต้นทุนการผลิตสูง จากปัจจัยราคาปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และแรงงาน ผลผลิตกระจุกตัวช่วง ธ.ค.-มี.ค.ทุกปี ทำให้ราคามันสำปะหลังไม่มีเสถียรภาพเท่าที่ควรจะเป็น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดยุทธศาสตร์ดูแลสินค้าเกษตรสำคัญ 4 รายการ ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อย ปาล์มน้ำมัน และมันสำปะหลังแล้ว
