“พาณิชย์” เร่งแก้มันสำปะหลังราคาตก ประสานศุลกากร หน่วยมั่นคงคุมเข้มลักลอบนำเข้า หลังล่าสุดราคาดิ่งเหลือกิโลฯ ละ 2 บาท พร้อมขอ สศช.อนุมัติโครงการปล่อยกู้สหกรณ์รับซื้อหัวมันสดไปแปรรูป
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับเกษตรกรและสมาคมที่เกี่ยวข้องกับมันสำปะหลัง เพื่อแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำว่า ที่ประชุมได้กำชับให้กรมศุลกากร กรมการค้าต่างประเทศ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ตรวจสอบการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้านและป้องกันการลักลอบนำเข้า เพื่อไม่ให้มีมันสำปะหลังเข้ามาในประเทศจนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาตกต่ำ โดยปัจจุบันราคาหัวมันสำปะหลังสด (เชื้อแป้ง 25%) อยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 2 บาท ลดลงจากเมื่อเดือน ธ.ค. 2558 เฉลี่ย กก.ละ 2.25 บาท ขณะที่ต้นทุนเกษตรกรอยู่ที่ กก.ละ 1.90 บาท
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบให้เสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) อนุมัติให้ดำเนินโครงการให้เงินกู้สำหรับสหกรณ์การเกษตรหรือวิสาหกิจชุมชนในการรับซื้อหัวมันสดจากเกษตรกรและนำไปแปรรูป ซึ่งจะทำให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก กก.ละ 2 บาท เป็น กก.ละ 6.50 บาท ปริมาณ 5 แสนตัน ซึ่ง สศช.ได้แสดงความเห็นว่าโครงการดังกล่าวอาจซ้ำซ้อนกับแผนการให้เกษตรกรรายบุคคลสามารถกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รายละ 5 หมื่นบาท อัตราดอกเบี้ย 4% เพื่อชะลอการขุดหัวมัน ป้องกันไม่ให้ผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันในช่วงนี้
“จะขอให้ สศช.อนุมัติโครงการงวดแรกก่อน เพื่อให้มีทางเลือกในการผลักดันราคามันสำปะหลังให้สูงขึ้น เป็นการเสริมกับมาตรการให้เงินกู้ เพื่อให้เกษตรกรชะลอการขุดหัวมัน คาดว่าสถานการณ์ราคาน่าจะดีขึ้น เพราะปีนี้มีภัยแล้ง ผลผลิตจะลดลงจากปกติที่ 31 ล้านตันหัวมันสด เหลือเพียง 28 ล้านตัน” นางอภิรดีกล่าว
นางอภิรดีกล่าวว่า สำหรับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังอื่นๆ กระทรวงพาณิชย์ได้เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลังในระบบน้ำหยด มีเป้าหมายเกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกมันสำปะหลัง 20,000 ราย วงเงินกู้รายละไม่เกิน 230,000 บาท เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้และมีผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น โดยกระทรวงฯ ได้ลงพื้นที่เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรในการช่วยเหลือการเพาะปลูกมันสำปะหลังในปีการผลิต 2558/59 ไปแล้ว
ส่วนเรื่องตลาดส่งออก กระทรวงฯ อยู่ระหว่างการเตรียมแผนด้านการตลาดเพื่อการส่งออกแป้งมันสำปะหลังไปยังตลาดยุโรปและญี่ปุ่น เนื่องจากเห็นว่ามีความต้องการเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งกำลังศึกษาและแปรรูปสินค้ามันสำปะหลัง เพื่อเจาะตลาดกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม เช่น สินค้าในกลุ่มพลาสติก ซึ่งขณะนี้มีความต้องการสูงขึ้น ขณะที่มันเส้น ซึ่งตลาดจีนเป็นตลาดส่งออกของไทย จะผลักดันการส่งออกต่อเนื่อง และล่าสุดทางการจีน ยังยืนยันนำเข้ามันสำปะหลังจากไทย ส่วนแป้งมัน เน้นตลาดส่งออกที่สำคัญ คือ อินโดนีเซีย ไต้หวัน และจีน