ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์” คาดคลอดยุทธศาสตร์ข้าวไทยเดือนนี้ หวังยกระดับการผลิต การตลาด ดันชาวนามีรายได้สูง ความเป็นอยู่ดีขึ้น เผยไม่ได้เอาราคาเป็นตัวตั้ง แต่ต้องทำให้กลไกตลาดเดินหน้า ไม่บิดเบือนราคา ด้านผู้ส่งออกห่วงราคาข้าวเปลือกปี 2557/58 ต่ำลง หลังผลผลิตน่าจะเพิ่มขึ้น คาดส่งออกแข่งดุเหมือนเดิม “จินตนา”สั่งอคส. ทำแผนเพิ่มรายได้ หลังไม่มีโครงการจำนำ
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ อยู่ระหว่างการจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวไทย ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาล เพื่อยกระดับการผลิต และการตลาดข้าวของไทยให้สูงขึ้น เพื่อผลักดันให้ข้าวไทยมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลกมากขึ้น เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน รวมถึงสร้างนวัตกรรมเพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าข้าวในอาเซียน และเป็นผู้ชี้นำราคาข้าวในตลาดโลก โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนต.ค.นี้
จากนั้นจะนำเสนอให้พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ พิจารณาเห็นชอบ ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.เห็นชอบต่อไป
ทั้งนี้ กรมฯ ได้มีการหารือเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อย่างต่อเนื่อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตัวแทนชาวนา สมาคมโรงสีข้าวไทย และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งได้ข้อสรุปตรงกันว่า จำเป็นต้องวางรากฐานเพื่อแก้ไขปัญหาข้าวไทยในระยะยาว ทั้งด้านการผลิตและการตลาด โดยในด้านการผลิต จะต้องจัดทำโซนนิ่งพื้นที่เพาะปลูกข้าวที่เหมาะสม ในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม จะมีมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนให้ปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นทดแทน เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ยางพารา และในด้านการตลาด กระทรวงพาณิชย์จะทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเน้นให้กลไกตลาดทำงานอย่างสมบูรณ์ ไม่มีการบิดเบือนใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนความร่วมมือด้านการค้าข้าวกับประเทศเพื่อนบ้าน กระทรวงพาณิชย์ได้พยายามดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวไทย และราคาข้าวของประเทศเพื่อนบ้านในตลาดโลก โดยไม่ขายตัดราคากันเอง ส่วนจะดำเนินการต่อไปหรือไม่ ต้องขึ้นกับนโยบายของรัฐบาลนี้ว่าจะดำเนินการอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยุทธศาสตร์ด้านการตลาดข้าวของกรมการค้าภายในที่ได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้กำหนดวิสัยทัศน์ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าข้าวในอาเซียนและเป็นผู้ชี้นำราคาข้าวในตลาดโลก ประกอบด้วยยุทธศาสตร์ 6 ด้าน คือ 1.สร้างความเป็นธรรมในระบบการค้าข้าว 2.ส่งเสริมและผลักดันการใช้มาตรฐานการผลิตและการค้า 3.สร้างค่านิยมการบริโภคข้าว และ4.พัฒนาศักยภาพระบบการค้าข้าว 5.การสร้างนวัตกรรมข้าว และ6.เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการด้านโลจิสติกส์
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ผู้ส่งออกเป็นห่วงราคาข้าวเปลือกในประเทศปีการผลิต 2557/58 ที่อาจจะลดต่ำลงอีก เพราะคาดว่าผลผลิตน่าจะออกมามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากเดิมที่จะได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง โดยผลผลิตน่าจะอยู่ที่ประมาณ 24 ล้านตันข้าวเปลือก ส่วนอินเดียผลผลิตลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 103 ล้านตัน จากปกติที่ 105-106 ตัน โดยใช้บริโภคในประเทศ 90 ล้านตัน ที่เหลือส่งออก ขณะที่เวียดนาม ผลผลิตเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 28-29 ล้านตันข้าวสาร และมีข้าวที่จะส่งออกปีหน้าได้ 7-8 ล้านตันข้าวสาร ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดข้าวปีหน้าค่อนข้างสูง และราคาข้าวปรับตัวขึ้นยาก ประกอบกับ สต๊อกข้าวของไทยมีมากถึง 18 ล้านตันข้าวสาร จึงยิ่งกดดันราคาข้าวในโลกไม่ให้สูงขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ซื้อ เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และจีนด้วยว่ามีความต้องการซื้อมากน้อยเพียงใด
นางจินตนา ชัยยวรรณาการ ประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (บอร์ดอคส.) กล่าวว่า ได้มอบนโยบายให้ อคส. จัดทำแผนงานในการหารายได้เข้าองค์กรเพิ่มเติม เพื่อทดแทนรายได้สำคัญที่หายไปจากการไม่มีโครงการรับจำนำข้าว โดยให้พิจารณาใช้ประโยชน์จากที่ดินและคลังสินค้าที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งให้เร่งทำตลาดข้าวถุงที่ อคส. มีความเชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ อยู่ระหว่างการจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวไทย ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาล เพื่อยกระดับการผลิต และการตลาดข้าวของไทยให้สูงขึ้น เพื่อผลักดันให้ข้าวไทยมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลกมากขึ้น เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน รวมถึงสร้างนวัตกรรมเพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าข้าวในอาเซียน และเป็นผู้ชี้นำราคาข้าวในตลาดโลก โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนต.ค.นี้
จากนั้นจะนำเสนอให้พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ พิจารณาเห็นชอบ ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.เห็นชอบต่อไป
ทั้งนี้ กรมฯ ได้มีการหารือเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อย่างต่อเนื่อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตัวแทนชาวนา สมาคมโรงสีข้าวไทย และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งได้ข้อสรุปตรงกันว่า จำเป็นต้องวางรากฐานเพื่อแก้ไขปัญหาข้าวไทยในระยะยาว ทั้งด้านการผลิตและการตลาด โดยในด้านการผลิต จะต้องจัดทำโซนนิ่งพื้นที่เพาะปลูกข้าวที่เหมาะสม ในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม จะมีมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนให้ปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นทดแทน เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ยางพารา และในด้านการตลาด กระทรวงพาณิชย์จะทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเน้นให้กลไกตลาดทำงานอย่างสมบูรณ์ ไม่มีการบิดเบือนใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนความร่วมมือด้านการค้าข้าวกับประเทศเพื่อนบ้าน กระทรวงพาณิชย์ได้พยายามดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวไทย และราคาข้าวของประเทศเพื่อนบ้านในตลาดโลก โดยไม่ขายตัดราคากันเอง ส่วนจะดำเนินการต่อไปหรือไม่ ต้องขึ้นกับนโยบายของรัฐบาลนี้ว่าจะดำเนินการอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยุทธศาสตร์ด้านการตลาดข้าวของกรมการค้าภายในที่ได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้กำหนดวิสัยทัศน์ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าข้าวในอาเซียนและเป็นผู้ชี้นำราคาข้าวในตลาดโลก ประกอบด้วยยุทธศาสตร์ 6 ด้าน คือ 1.สร้างความเป็นธรรมในระบบการค้าข้าว 2.ส่งเสริมและผลักดันการใช้มาตรฐานการผลิตและการค้า 3.สร้างค่านิยมการบริโภคข้าว และ4.พัฒนาศักยภาพระบบการค้าข้าว 5.การสร้างนวัตกรรมข้าว และ6.เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการด้านโลจิสติกส์
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ผู้ส่งออกเป็นห่วงราคาข้าวเปลือกในประเทศปีการผลิต 2557/58 ที่อาจจะลดต่ำลงอีก เพราะคาดว่าผลผลิตน่าจะออกมามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากเดิมที่จะได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง โดยผลผลิตน่าจะอยู่ที่ประมาณ 24 ล้านตันข้าวเปลือก ส่วนอินเดียผลผลิตลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 103 ล้านตัน จากปกติที่ 105-106 ตัน โดยใช้บริโภคในประเทศ 90 ล้านตัน ที่เหลือส่งออก ขณะที่เวียดนาม ผลผลิตเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 28-29 ล้านตันข้าวสาร และมีข้าวที่จะส่งออกปีหน้าได้ 7-8 ล้านตันข้าวสาร ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดข้าวปีหน้าค่อนข้างสูง และราคาข้าวปรับตัวขึ้นยาก ประกอบกับ สต๊อกข้าวของไทยมีมากถึง 18 ล้านตันข้าวสาร จึงยิ่งกดดันราคาข้าวในโลกไม่ให้สูงขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ซื้อ เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และจีนด้วยว่ามีความต้องการซื้อมากน้อยเพียงใด
นางจินตนา ชัยยวรรณาการ ประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (บอร์ดอคส.) กล่าวว่า ได้มอบนโยบายให้ อคส. จัดทำแผนงานในการหารายได้เข้าองค์กรเพิ่มเติม เพื่อทดแทนรายได้สำคัญที่หายไปจากการไม่มีโครงการรับจำนำข้าว โดยให้พิจารณาใช้ประโยชน์จากที่ดินและคลังสินค้าที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งให้เร่งทำตลาดข้าวถุงที่ อคส. มีความเชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ
