“พาณิชย์”ออกมาตรการดูแลราคาข้าวเปลือก เล็งกำหนดราคาแนะนำไม่ต่ำกว่าตันละ 8.5-9 พันบาท เริ่มใช้ก.ย.นี้ พร้อมจัดเวทีซื้อขายข้าวให้กับชาวนา ผู้ส่งออกเห็นด้วย เหตุไม่สูงและไม่ต่ำเกินไป ยังสามารถแข่งขันได้
นางจินตนา ชัยยวรรณาการ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เตรียมมาตรการช่วยรักษาเสถียรภาพราคาข้าวฤดูกาลผลิตปี 2557/58 โดยจะใช้วิธีการออกประกาศราคาแนะนำข้าวเปลือกเจ้าไม่ต่ำกว่า 8,500-9,000 บาทต่อตัน คาดว่าจะเริ่มในช่วงปลายเดือนก.ย.นี้ เพื่อไม่ให้เกิดการกดราคาข้าวเปลือกในต้นฤดู เพราะปริมาณข้าวจะออกมาปริมาณมากสุดในเดือนต.ค.2557-ม.ค.2558 ขณะเดียวกันได้สั่งการให้ค้าภายในจังหวัดเร่งประสานโรงสีทั่วประเทศ เพื่อขอความร่วมมือในการรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาโดยตรงในราคาเป็นธรรม ตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ทั้งนี้ กรมฯ ยังจะเข้าไปช่วยดูแลกลไกตลาด โดยสร้างเวทีซื้อขายข้าว เช่น การจัดให้มีตลาดกลาง ตลาดนัดข้าวเปลือก ตลาดประมูลข้าวสาร เป็นต้น โดยจะนำวิธีการเหล่านี้มาใช้เป็นเครื่องมือหรือช่องทางในการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีแหล่งขายสินค้าเกษตร โดยเฉพาะสินค้าข้าว รวมถึงจะมีการสนับสนุนให้เกษตรกรลดต้นทุนในการผลิต เพิ่งผลผลิตต่อไร่ และพัฒนาคุณภาพผลผลิตด้วย
ส่วนมาตรการอื่นๆ จะขอให้โรงสีข้าวเข้ามาช่วยในเรื่องเก็บสต็อกข้าว ในช่วงที่มีผลผลิตข้าวออกมามาก ซึ่งจะเปิดรับผู้เข้าร่วมโครงการ และหากมีการซื้อข้าวในตลาดก็จะได้รับการชดเชยดอกเบี้ยเงินให้ในอัตรา 3% ขณะที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะให้สินเชื่อแก่เกษตรกรเพื่อชะลอการขายข้าว
นางจินตนากล่าวว่า กรมฯ ยังอยู่ระหว่างการการจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวในอีก 5 ปีข้างหน้า ร่วมกับทางสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยจะเริ่มจากปี 2558-65 โดยจะมีการพัฒนาให้ชาวนาเป็นเกษตรกรสมาร์ทฟาร์ม และส่งเสริมให้ชาวนารวมกลุ่มกันจัดตั้งเป็นศูนย์กลางถ่ายทอดให้ความรู้และการพัฒนาขยายศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชน
นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งกองทุนชาวนา โดยจะนำภาษีที่เก็บมาจากการผู้ส่งออกข้าว ซึ่งคาดว่าแต่ละปีน่าจะมีเม็ดเงินที่มาสนับสนุนได้ปีละประมาณ 1,000 -2,000 ล้านบาท และจะมีการจัดทำโซนนิ่งพื้นที่ปลูกข้าวที่เหมาะสม ซึ่งกระทรวงฯ อยู่ระหว่างการการว่าจ้างให้สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ทำการศึกษาการจัดตั้งสถาบันพัฒนาพาณิชย์ข้าวเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ และการตลาดข้าว รวมทั้งการส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมและการยกระดับมาตรฐานข้าว และยังได้รับพิจารณาข้อเสนอจากภาคเอกชนที่จะมีการตั้งคณะกรรรมการข้าว ขึ้นมาดูแลกำหนดนโยบายบริหารจัดการข้าว
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า หากมีการประกาศราคาแนะนำข้าวเปลือกเจ้าที่ระดับ 8,500-9,000 บาท จะทำให้ต้นทุนการส่งออกข้าว (เอฟโอบี) อยู่ที่ระดับราคา 450-460 เหรียญสหรัฐ/ตัน มองว่าไม่สูงและไม่ต่ำเกินไป ทำให้ข้าวไทยยังแข่งขันได้
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. และรองประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกรมการค้าภายในเข้ามาดูแลระดับราคาข้าวให้กับชาวนาอย่างเร่งด่วน โดยจากการหารือร่วมกับชาวนาที่ผ่านมา มองว่าราคาข้าวเปลือกเจ้าควรอยู่ที่ 8,500-9,000 บาท เมื่อหักค่าความชื้นลงมา ยังทำให้ชาวนามีกำไรได้ ซึ่งต้นทุนเฉลี่ยการปลูกข้าวอยู่ที่ 6,000 บาท/ไร่
นางจินตนา ชัยยวรรณาการ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เตรียมมาตรการช่วยรักษาเสถียรภาพราคาข้าวฤดูกาลผลิตปี 2557/58 โดยจะใช้วิธีการออกประกาศราคาแนะนำข้าวเปลือกเจ้าไม่ต่ำกว่า 8,500-9,000 บาทต่อตัน คาดว่าจะเริ่มในช่วงปลายเดือนก.ย.นี้ เพื่อไม่ให้เกิดการกดราคาข้าวเปลือกในต้นฤดู เพราะปริมาณข้าวจะออกมาปริมาณมากสุดในเดือนต.ค.2557-ม.ค.2558 ขณะเดียวกันได้สั่งการให้ค้าภายในจังหวัดเร่งประสานโรงสีทั่วประเทศ เพื่อขอความร่วมมือในการรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาโดยตรงในราคาเป็นธรรม ตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ทั้งนี้ กรมฯ ยังจะเข้าไปช่วยดูแลกลไกตลาด โดยสร้างเวทีซื้อขายข้าว เช่น การจัดให้มีตลาดกลาง ตลาดนัดข้าวเปลือก ตลาดประมูลข้าวสาร เป็นต้น โดยจะนำวิธีการเหล่านี้มาใช้เป็นเครื่องมือหรือช่องทางในการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีแหล่งขายสินค้าเกษตร โดยเฉพาะสินค้าข้าว รวมถึงจะมีการสนับสนุนให้เกษตรกรลดต้นทุนในการผลิต เพิ่งผลผลิตต่อไร่ และพัฒนาคุณภาพผลผลิตด้วย
ส่วนมาตรการอื่นๆ จะขอให้โรงสีข้าวเข้ามาช่วยในเรื่องเก็บสต็อกข้าว ในช่วงที่มีผลผลิตข้าวออกมามาก ซึ่งจะเปิดรับผู้เข้าร่วมโครงการ และหากมีการซื้อข้าวในตลาดก็จะได้รับการชดเชยดอกเบี้ยเงินให้ในอัตรา 3% ขณะที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะให้สินเชื่อแก่เกษตรกรเพื่อชะลอการขายข้าว
นางจินตนากล่าวว่า กรมฯ ยังอยู่ระหว่างการการจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวในอีก 5 ปีข้างหน้า ร่วมกับทางสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยจะเริ่มจากปี 2558-65 โดยจะมีการพัฒนาให้ชาวนาเป็นเกษตรกรสมาร์ทฟาร์ม และส่งเสริมให้ชาวนารวมกลุ่มกันจัดตั้งเป็นศูนย์กลางถ่ายทอดให้ความรู้และการพัฒนาขยายศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชน
นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งกองทุนชาวนา โดยจะนำภาษีที่เก็บมาจากการผู้ส่งออกข้าว ซึ่งคาดว่าแต่ละปีน่าจะมีเม็ดเงินที่มาสนับสนุนได้ปีละประมาณ 1,000 -2,000 ล้านบาท และจะมีการจัดทำโซนนิ่งพื้นที่ปลูกข้าวที่เหมาะสม ซึ่งกระทรวงฯ อยู่ระหว่างการการว่าจ้างให้สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ทำการศึกษาการจัดตั้งสถาบันพัฒนาพาณิชย์ข้าวเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ และการตลาดข้าว รวมทั้งการส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมและการยกระดับมาตรฐานข้าว และยังได้รับพิจารณาข้อเสนอจากภาคเอกชนที่จะมีการตั้งคณะกรรรมการข้าว ขึ้นมาดูแลกำหนดนโยบายบริหารจัดการข้าว
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า หากมีการประกาศราคาแนะนำข้าวเปลือกเจ้าที่ระดับ 8,500-9,000 บาท จะทำให้ต้นทุนการส่งออกข้าว (เอฟโอบี) อยู่ที่ระดับราคา 450-460 เหรียญสหรัฐ/ตัน มองว่าไม่สูงและไม่ต่ำเกินไป ทำให้ข้าวไทยยังแข่งขันได้
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. และรองประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกรมการค้าภายในเข้ามาดูแลระดับราคาข้าวให้กับชาวนาอย่างเร่งด่วน โดยจากการหารือร่วมกับชาวนาที่ผ่านมา มองว่าราคาข้าวเปลือกเจ้าควรอยู่ที่ 8,500-9,000 บาท เมื่อหักค่าความชื้นลงมา ยังทำให้ชาวนามีกำไรได้ ซึ่งต้นทุนเฉลี่ยการปลูกข้าวอยู่ที่ 6,000 บาท/ไร่