“นพ.วรงค์” เสนอโจทย์ 4 ข้อให้รัฐบาลใหม่แก้ปัญหาข้าว ระบุแนวทางการลดต้นทุนการผลิตไร้ประสิทธิภาพ ทั้งค่าเช่านา-ค่าปุ๋ย-ค่ายา-พันธุ์ข้าว ไร้ประสิทธิภาพ ทำต้นทุนการผลิตสูงไม่สอดคล้องกับราคาข้าวที่กำลังจะออก แนะควรช่วยแบบประกันรายได้หรือช่วยเท่ากันหมดโดยกำนัดให้ชัดรายละกี่ไร่
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะที่มีนายกรัฐมนตรีและจะมีคณะรัฐมนตรีใหม่กำลังจะเกิดตามมา มีโจทย์ 4 ข้อเกี่ยวกับข้าวที่รัฐบาลใหม่จะต้องเร่งดำเนินการ คือ 1. มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนา เพราะแนวทางการลดต้นทุนปัจจัยการผลิต ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ประสิทธิภาพ ทั้งค่าเช่านา ค่ารถเกี่ยว ค่าปุ๋ย ค่ายา และพันธุ์ข้าวปลูก อาจจะมีการลดราคาลงมาบ้างแต่ไม่สอดคล้องกับราคาขายข้าวเปลือก เทียบกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ดังนั้น มาตรการที่จะต้องจัดงบลงไปช่วยเกษตรกรจึงยังมีความจำเป็นในปัญหาระยะสั้น รัฐบาลใหม่ต้องกล้าตัดสินใจว่าจะช่วยแบบประกันรายได้หรือช่วยเท่ากันไปเลยว่าไร่ละเท่าไร รายละไม่เกินกี่ไร่ เนื่องจากปัจจุบันนี้ไม่มีเม็ดเงินลงไปช่วยชาวนาซึ่งเป็นต้นธารของการใช้จ่าย ส่วนการช่วยระยะยาวค่อยว่ากัน
2. ตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป ข้าวเปลือกฤดูกาลผลิตใหม่กำลังจะออกมากขึ้น อาจจะมีผลต่อราคาข้าวเปลือกในตลาดตามหลักดีมานด์และซัปพลาย รัฐบาลต้องดูแลราคาอย่างใกล้ชิดและเตรียมหามาตรการแทรกแซงระยะสั้นให้พร้อมถ้ามีความจำเป็น แต่อาจจะมีความโชคดีอยู่บ้างตรงที่ตลาดส่งออกล้วนต้องการข้าวฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะออก
3. การระบายข้าวที่ค้างในโกดัง ในช่วงที่ผ่านมาการตัดสินใจระบายข้าวมีลักษณะกล้าๆ กลัวๆ ในขณะที่ผู้ประกอบการมีความต้องการข้าว วัดได้จากจำนวนผู้ร่วมประมูลมีจำนวนมาก รัฐบาลใหม่ต้องกล้าที่จะต้องดำเนินการบนหลักการของความโปร่งใสและรู้เท่าทัน นั่นคือช่วงไหนมีความต้องการข้าวก็จัดการและที่สำคัญต้องประกาศราคากลางให้ผู้ร่วมประมูลรับทราบ ใครชนะก็ให้เขาไป เสียดายที่ช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยกล้า เพราะจากนี้ไปข้าวใหม่กำลังจะออก
และ 4. การดำเนินการเรื่องการทุจริตโดยเฉพาะการตรวจโกดัง รวมถึงการรายงานผลการตรวจแก่ประชาชนอย่างตรงไปตรงมา ที่สำคัญต้องตอบข้อกังขาได้ทั้งหมด การดำเนินการเรื่องการทุจริตในขั้นตอนตรวจโกดังต้องเอาจริงเอาจัง ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยให้ระดับเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยไปแจ้งความไม่รู้ว่าให้ดำเนินคดีหรือแค่ลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน