xs
xsm
sm
md
lg

หอการค้าไทยชง กรอ.พิจารณา 5 ยุทธศาสตร์พัฒนาข้าวไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หอการค้าไทยชง กรอ.พิจารณา 5 ยุทธศาสตร์ข้าวไทย เสนอจัดระเบียบพื้นที่เพาะปลูก พื้นที่ไม่เหมาะสมต้องไปปลูกพืชเกษตรอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า พร้อมเสนอให้รวมแปลงผลิต เพื่อลดต้นทุน และโอนตลาดเอเฟตให้คลังดูแลแทนพาณิชย์ คาดใช้งบหนุนไม่เกินปีละ 2 หมื่นล้าน

นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน ในวันที่ 16 ก.ค.นี้ หอการค้าไทยจะเสนอให้มีการพิจารณายุทธศาสตร์อนาคตข้าวและชาวนาไทย 5 แนวทาง เพื่อปฏิรูประบบการทำนาของประเทศไทย รวมถึงการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความยั่งยืนให้แก่ชาวนาไทย

สำหรับ 5 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วยการพัฒนาข้าวและชาวนาไทยโดยยึดแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง, การเกษตรสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน, การส่งเสริมเขตการเกษตรเศรษฐกิจทางเลือก, การวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าว และการตลาดไทยที่ต้องส่งเสริมกลไกการตลาดเสรี ที่ให้เอกชนมีการแข่งขันเสรีอย่างแท้จริงและรัฐบาลเป็นผู้รักษากฎระเบียบผ่านคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าว ซึ่งยุทธศาสตร์ดังกล่าวเป็นการรวบรวมความต้องการจากนักวิชาการ ชาวนา โรงสี ผู้ส่งออก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นายอิสระกล่าวว่า การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ จะให้ความสำคัญกับการจัดระเบียบพื้นที่ปลูกข้าว ซึ่งในปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกข้าว 70 ล้านไร่ เป็นพื้นที่เหมาะสม 43 ล้านไร่ และไม่เหมาะสม 27 ล้านไร่ โดยในส่วนของพื้นที่ไม่เหมาะสม ภาครัฐควรร่วมมือกับภาคเอกชนในการส่งเสริมให้ชาวนาหันไปปลูกพื้นเกษตรอื่นที่มีผลตอบแทนสูงกว่า ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพด มันสำปะหลัง อ้อย ปาล์ม และยางพารา เป็นต้น

ทั้งนี้ จากการศึกษารายได้สุทธิของเกษตรกรต่อไร่พบว่า ปาล์มน้ำมันมีรายได้เฉลี่ย 5,768 บาทต่อไร่ อ้อย 5,708 บาท ยางพารา 5,128 บาท ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 1,961 บาท มันสำปะหลัง 1,045 บาท และข้าว 271 บาท แสดงให้เห็นว่าข้าวมีรายได้สุทธิต่ำที่สุด

ส่วนแนวทางอื่นๆ ต้องส่งเสริมให้มีการรวมแปลงการผลิตให้เป็นพื้นที่เพาะปลูกขนาดใหญ่ เป็น 100 ไร่ 1,000 ไร่ เพื่อให้สามารถใช้เครื่องจักรกลการเกษตรในการเพาะปลูก เก็บเกี่ยว และขนส่งอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้มาก และควรจะปรับปรุงตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (เอเฟต) ให้สามารถเป็นตลาดที่สะท้อนราคาสินค้าเกษตรได้อย่างแท้จริง โดยควรนำเอเฟตไปอยู่ในความดูแลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแทนกระทรวงพาณิชย์

นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ต้องการให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาข้าวและชาวนาไทย โดยจะเน้นการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวไทย การช่วยประกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยรัฐอาจนำเงินเข้ากองทุนโดยเป็นเงินจากกระทรวงการคลังเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 1% จากผู้ส่งออกแทนภาษีหัก ณ ที่จ่าย 0.7% ที่เรียกเก็บจากโรงสี รวมถึงเงินโควตาข้าวสหภาพยุโรป ที่กระทรวงพาณิชย์เรียกเก็บจากผู้ส่งออก รวมกันปีละ 2,000 ล้านบาท

นายปราโมทย์ วานิชานนท์ ที่ปรึกษาคณะทำงานยุทธศาสตร์ข้าว หอการค้าไทย และที่ปรึกษาสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า หาก คสช.เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์อนาคตข้าวไทย เชื่อว่าจะใช้งบประมาณปีละ 20,000 ล้านบาท เน้นเรื่องของการพัฒนาพันธุ์และการวิจัยข้าว เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าให้แก่ชาวนาไทยได้อย่างยั่งยืน และไม่ต้องใช้เงินมากเหมือนในอดีต ที่เพิ่มขึ้นทุกปี โดยปี 2553-54 นโยบายประกันรายได้ใช้เงิน 53,000 ล้านบาทต่อปี และช่วงปี 2555-57 ใช้เงินจำนำสูงถึงปีละ 200,000 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น