กระบี่ - สำนักงานเกษตรจังหวัดกระบี่ ส่งเสริมเกษตรกรปลูกข้าวไร่ ผลักดันนโยบายขับเคลื่อนการฟื้นฟูอนุรักษ์ และพัฒนาการผลิตข้าวจังหวัดกระบี่ เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางพารา และปาล์มน้ำมันอายุ 1-3 ปี ก่อนได้รับผลผลิต
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (19 มิ.ย.) นายกฤช รังสิเสนา ณ อยุธยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดโครงการปลูกข้าวไร่ผลักดันนโยบายขับเคลื่อนการฟื้นฟูอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตข้าวจังหวัดกระบี่ เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางพารา และปาล์มน้ำมันอายุ 1-3 ปี ก่อนได้รับผลผลิต ณ หมู่ที่ 2 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ โดยมีนายไชยยุทธ์ ขุนฤทธิ์แก้ว เกษตรจังหวัดกระบี่ นายบุญพาศ รักนุ้ย นายอำเภออ่าวลึก เกษตรอำเภออ่าวลึก และเกษตรกรในพื้นที่เข้าร่วมโครงการจำนวนมาก
นายไชยยุทธ์ ขุนฤทธิ์แก้ว เกษตรจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ในแต่ละปีจังหวัดกระบี่มีเกษตรกรที่โค่นต้นยางพาราเพื่อปลูกใหม่ทดแทนปีละกว่า 18,000 ไร่ และ มีปาล์มน้ำมันที่มีอายุมากกว่า 20 ปี จำนวน 203,382 ไร่ ที่พร้อมจะโค่นเพื่อปลูกใหม่ทดแทน ซึ่งเมื่อเกษตรกรโค่นยาง และปาล์มน้ำมันเพื่อปลูกใหม่ทดแทนนั้นหากไม่มีอาชีพอื่นเสริมก็จะขาดรายได้ในช่วงที่ยางและปาล์มน้ำมันยังไม่ให้ผลผลิต ทางจังหวัดกระบี่ จึงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรดังกล่าวทำการปลูกพืชแซมในสวนยาง และปาล์มน้ำมันที่ปลูกใหม่เพื่อเพิ่มรายได้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายขับเคลื่อนการฟื้นฟูอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตข้าวจังหวัดกระบี่ เป็นการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง และปาล์มน้ำมัน
โดยส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวไร่แซมในสวนยางและปาล์มน้ำมันที่ปลูกใหม่อายุไม่เกิน 3 ปี ซึ่งในปีนี้มีเป้าหมายดำเนินการในพื้นที่ 2,000 ไร่ เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 400 กว่าราย โดยจังหวัดสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวไร่บางส่วนให้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 1,200 กิโลกรัม โดยได้จัดกิจกรรมรณรงค์การปลูกข้าวไร่ขึ้น เพื่อประชาสัมพันธ์และผลักดันนโยบายขับเคลื่อนการฟื้นฟูอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตข้าวจังหวัดกระบี่โดยโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวไร่แซมยางพารา และปาล์มน้ำมันตามนโยบายของจังหวัดกระบี่ ในเนื้อที่ 200 ไร่ กระจายไปทุกตำบล
นอกจากนั้น ทางเกษตรจังหวัดยังได้สนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวไร่ คือ พันธุ์ข้าวเจ้าหอมดอกข่า และข้าวเหนียวช่อไม้ไผ่ แก่เกษตรกรที่ร่วมโครงการ สำหรับการจัดรณรงค์การปลูกข้าวไร่ในครั้งนี้นั้นได้จัดให้มีการลงแขกปลูกข้าวไร่ในแปลงของเกษตรกรที่ร่วมโครงการ อันเป็นการอนุรักษ์และดำรงไว้ซึ่งวิถีชีวิตแห่งการเอื้ออาทร และการช่วยเหลือกันของสังคมไทยในอดีตอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันหาดูได้ยาก
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (19 มิ.ย.) นายกฤช รังสิเสนา ณ อยุธยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดโครงการปลูกข้าวไร่ผลักดันนโยบายขับเคลื่อนการฟื้นฟูอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตข้าวจังหวัดกระบี่ เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางพารา และปาล์มน้ำมันอายุ 1-3 ปี ก่อนได้รับผลผลิต ณ หมู่ที่ 2 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ โดยมีนายไชยยุทธ์ ขุนฤทธิ์แก้ว เกษตรจังหวัดกระบี่ นายบุญพาศ รักนุ้ย นายอำเภออ่าวลึก เกษตรอำเภออ่าวลึก และเกษตรกรในพื้นที่เข้าร่วมโครงการจำนวนมาก
นายไชยยุทธ์ ขุนฤทธิ์แก้ว เกษตรจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ในแต่ละปีจังหวัดกระบี่มีเกษตรกรที่โค่นต้นยางพาราเพื่อปลูกใหม่ทดแทนปีละกว่า 18,000 ไร่ และ มีปาล์มน้ำมันที่มีอายุมากกว่า 20 ปี จำนวน 203,382 ไร่ ที่พร้อมจะโค่นเพื่อปลูกใหม่ทดแทน ซึ่งเมื่อเกษตรกรโค่นยาง และปาล์มน้ำมันเพื่อปลูกใหม่ทดแทนนั้นหากไม่มีอาชีพอื่นเสริมก็จะขาดรายได้ในช่วงที่ยางและปาล์มน้ำมันยังไม่ให้ผลผลิต ทางจังหวัดกระบี่ จึงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรดังกล่าวทำการปลูกพืชแซมในสวนยาง และปาล์มน้ำมันที่ปลูกใหม่เพื่อเพิ่มรายได้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายขับเคลื่อนการฟื้นฟูอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตข้าวจังหวัดกระบี่ เป็นการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง และปาล์มน้ำมัน
โดยส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวไร่แซมในสวนยางและปาล์มน้ำมันที่ปลูกใหม่อายุไม่เกิน 3 ปี ซึ่งในปีนี้มีเป้าหมายดำเนินการในพื้นที่ 2,000 ไร่ เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 400 กว่าราย โดยจังหวัดสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวไร่บางส่วนให้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 1,200 กิโลกรัม โดยได้จัดกิจกรรมรณรงค์การปลูกข้าวไร่ขึ้น เพื่อประชาสัมพันธ์และผลักดันนโยบายขับเคลื่อนการฟื้นฟูอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตข้าวจังหวัดกระบี่โดยโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวไร่แซมยางพารา และปาล์มน้ำมันตามนโยบายของจังหวัดกระบี่ ในเนื้อที่ 200 ไร่ กระจายไปทุกตำบล
นอกจากนั้น ทางเกษตรจังหวัดยังได้สนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวไร่ คือ พันธุ์ข้าวเจ้าหอมดอกข่า และข้าวเหนียวช่อไม้ไผ่ แก่เกษตรกรที่ร่วมโครงการ สำหรับการจัดรณรงค์การปลูกข้าวไร่ในครั้งนี้นั้นได้จัดให้มีการลงแขกปลูกข้าวไร่ในแปลงของเกษตรกรที่ร่วมโครงการ อันเป็นการอนุรักษ์และดำรงไว้ซึ่งวิถีชีวิตแห่งการเอื้ออาทร และการช่วยเหลือกันของสังคมไทยในอดีตอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันหาดูได้ยาก
