“พาณิชย์” ตรวจเข้มเอกสารจัดตั้งธุรกิจขายตรง สกัดธุรกิจเถื่อนหากินแบบแชร์ลูกโซ่ พร้อมจับมือ สคบ.ในการจัดระเบียบ
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ออกคำสั่งเรียกเอกสารเข้มงวดก่อนพิจารณาอนุญาตจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจขายตรงและการตลาดแบบตรง เช่น บัตรประชาชนกรรมการ บัญชีธนาคาร และสถานที่ตั้งบริษัทตัวจริง เพื่อป้องกันการแอบอ้างหากินแบบแชร์ลูกโซ่บังหน้า โดยการหลอกลวงประชาชนให้เข้าร่วมธุรกิจ เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าหลายรายที่มาขอจดทะเบียนไม่มีการทำธุรกิจขายตรง รวมถึงไม่มีสถานที่จัดตั้งบริษัทหรือคลังสินค้าของบริษัท หรือบางรายแอบอ้างใช้สถานที่ทั้งๆ ที่เจ้าของไม่ทราบเรื่อง เป็นต้น
“กรมฯ ได้กำหนดแนวทางป้องปรามเป็นพิเศษ โดยออกคำสั่งให้ห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดที่มีความประสงค์จะดำเนินธุรกิจขายตรงและการตลาดแบบตรง ต้องแสดงต้นฉบับบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน รวมถึงเอกสารแสดงฐานะทางการเงินที่ธนาคารออกให้หุ้นส่วนและผู้ถือหุ้นทุกคนต่อนายทะเบียน เพื่อตรวจสอบว่ามีการร่วมลงทุนในการประกอบธุรกิจจริงหรือไม่ และจะต้องแสดงหนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่จากเจ้าของอาคารที่จะใช้เป็นที่ตั้งสถานประกอบการ หากขาดเอกสารอย่างใดอย่างหนึ่งกรมฯ จะไม่พิจารณารับคำร้องขอจดทะเบียนอย่างเด็ดขาด”
น.ส.ผ่องพรรณกล่าวว่า กรมฯ ยังได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ในการเข้ามาจัดระเบียบหรือควบคุมการดูแลธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงอย่างเข้มงวด เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจที่ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายสามารถทำธุรกิจได้สะดวก และจะสกัดธุรกิจแชร์ลูกโซ่ที่จะใช้กลยุทธ์ในการหาผู้สมัครมาเป็นเครือข่ายแล้วเก็บค่าหัวคิวโดยไม่มีการสร้างรายได้จากการจำหน่ายสินค้า
“เบื้องต้นกรมฯ ต้องการให้ธุรกิจที่จะเข้ามาจดทะเบียน ต้องมีหลักฐานในการอนุญาตจาก สคบ.ก่อนว่าเป็นธุรกิจการขายตรงหรือไม่”
นอกจากนี้ กรมฯ จะเข้ามาจัดระเบียบในการจดทะเบียนของบริษัทอีคอมเมิร์ซ ซึ่งทำธุรกิจในการซื้อขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ เนื่องจากพบว่ามีบริษัทจำนวนหนึ่งเป็นบริษัทแชร์ลูกโซ่ที่หลอกลวงประชาชนเข้ามาร่วมทำธุรกิจ โดยอ้างว่าเป็นการซื้อขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ แต่ความเป็นจริงพบว่าบริษัทจะให้เป็นการชักจูงสมาชิกแล้วกินเปอร์เซ็นต์จากกรณีที่มีการหาสมาชิกได้เพิ่ม
