ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ลงพื้นที่ภูเก็ต สุ่มตรวจโครงการบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม ที่มีการร้องเรียนไปยัง สคบ. พบหลายโครงการยังโยนภาระภาษีรายได้นิติบุคคล และภาษีธุรกิจเฉพาะให้ผู้ซื้อจ่ายคนละครึ่งอยู่อีก ทั้งๆ ที่เป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการ เตือนหากยังไม่แก้จะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด
วันนี้ (27 ส.ค.) นายอำพล วงศ์ศิริ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมด้วยคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ทั้งจากส่วนกลาง และจังหวัดภูเก็ต ได้ประชุมร่วมกัน และแบ่งกลุ่มออกตรวจสถานประกอบการต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มตรวจสอบสลากสินค้า กลุ่มตรวจสอบโฆษณา กลุ่มตรวจสอบธุรกิจที่ควบคุมสัญญาและหลักฐานการรับเงิน และกลุ่มตรวจสอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ซึ่งการตรวจสอบในครั้งนี้เป็นการสุ่มตรวจ และตรวจตามที่มีการร้องเรียนมายัง สคบ.ในภูเก็ต และส่วนกลาง โดยมีนายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายประพันธ์ ขันธ์พระแสง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต และส่วนราชการที่เกียวข้อง ร่วมตรวจในครั้งนี้ด้วย
นายอำพล วงศ์ศิริ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผย ภายหลังเข้าตรวจสอบโครงการ พนาสนธิ์ ปาร์ควิลล์ (เกาะสิเหร่) ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ว่า การลงพื้นที่ภูเก็ตของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในครั้งนี้ เนื่องจากทาง สคบ.ส่วนกลาง ส่วนจังหวัด และหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งที่เป็นบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียม เป็นอันดับ 1 และโดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต การร้องเรียนในธุรกิจอสังหาฯ สูงเป็นอันดับแรก และมีจำนวนที่มากพอสมควร เนื่องจากภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว และเป็นเมืองเศรษฐกิจ ทำให้การลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์มีสูงตามภาวะเศรษฐกิจ
ทาง สคบ.จึงได้ลงพื้นที่ภูเก็ตสุ่มตรวจโครงการที่ได้รับการร้องเรียนที่ผู้บริโภคร้องเรียนเข้ามาว่า ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้าง และส่งมอบบ้าน และคอนโดฯ ให้ตามสัญญาที่ทำไว้ ซึ่งจากการสุ่มตรวจโครงการพนาสนธิ์ ปาร์ควิลล์ เกาะสิเหร่ ที่ได้มีการร้องเรียนเข้ามานั้น พบว่าในสัญญาทางบริษัทจะต้องส่งมอบบ้านให้แก่ลูกค้าภายในเดือน พ.ค.2558 ซึ่งทางบริษัทก็ไม่ได้ผิดสัญญาเพราะขณะนี้ยังไม่ครบสัญญาการส่งมอบบ้านแต่อย่างใด
แต่อย่างไรก็ตาม เป็นที่สังเกตว่าในสัญญาการซื้อขายบ้านดังกล่าวไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยเฉพาะในเรื่องของภาษีรายได้นิติบุคคล และภาษีธุรกิจเฉพาะ ที่ระบุไว้ว่า ผู้ชื่อและผู้ขายจะต้องรับผิดชอบชำระคนละครึ่งนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค เพราะเรื่องภาษีดังกล่าวนั้นเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการที่ต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช้ทำสัญญาให้ผู้ซื้อมาร่วมรับผิดชอบด้วย และอีกประการหนึ่ง ในสัญญาการส่งมอบบ้านระบุไว้ว่า ภายในเดือน พ.ค.2558 หรือเมื่อมีการก่อสร้างเสร็จ เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างชัดเจน ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้ได้แจ้งให้ผู้ประกอบการรับทราบแล้ว และให้ดำเนินการแก้ไขต่อไป ซึ่งทาง สคบ.จะติดตามความคืบหน้าว่าผู้ประกอบการได้มีการแก้ไขให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือไม่ หากยังไม่แก้ไขทาง สคบ.จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นายอำพล ฝากเตือนมายังผู้บริโภคว่า ก่อนที่จะทำสัญญาซื้อขายนั้นจะต้องศึกษารายละเอียดของสัญญาให้ละเอียดก่อน โดยเฉพาะให้มีการตรวจสอบในเรื่องของเงินดาวน์ เงินผ่อน ระยะเวลาส่งมอบบ้านให้ชัดเจน ค่าธรรมเนียมในการโอน และอยากจะย้ำว่า ในเรื่องของภาษีรายได้นิติบุคคล และภาษีธุรกิจเฉพาะนั้นเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการที่ต้องรับผิดชอบเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับผู้ซื้อแต่อย่างใด