“ผู้บริหารแอร์พอร์ตลิงก์” เปิดอกยอมรับรถ 5 ขบวนจะวิ่งได้อีกไม่เกิน 2 เดือน เหตุจะครบ 1.3 ล้าน กม. ถึงเกณฑ์ซ่อมบำรุงใหญ่ (Overhaul) เหมือน 4 ขบวนที่จอดรอซ่อมอยู่แล้ว ลุ้นในสัปดาห์นี้หาซื้ออะไหล่จำเป็นมาซ่อมเร่งด่วนได้หรือไม่ เผยเป็นไปได้สูงที่อาจต้องหยุดวิ่งเพื่อความปลอดภัยในการให้บริการ “รักษาการซีอีโอ” สับที่ผ่านมาผู้บริหารไม่เร่งตัดสินใจ จนหมดเวลา หมดทางเลือก
นายภากรณ์ ตั้งเจตสกาว รองผู้ว่าการด้านโครงสร้างพื้นฐาน 1 การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในฐานะรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนว่ารถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์จะต้องหยุดให้บริการหรือไม่ โดยคณะกรรมการประเมินความเสี่ยงการให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ที่มีนายสิทธิพงษ์ พรมลา รองผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท. และหัวหน้าหน่วยธุรกิจซ่อมบำรุง เป็นประธาน โดยจะประชุมร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อประเมินสถานการณ์ก่อนตัดสินใจ โดยต้องยอมรับว่าปัจจุบันรถที่มีความพร้อมสามารถนำออกให้บริการได้มีเหลือเพียง 5 ขบวนจากที่มีรถทั้งหมด 9 ขบวน และภายใน 2 เดือนนี้รถทั้ง 9 ขบวนจะวิ่งครบ 1.3 ล้านกิโลเมตรทั้งหมดซึ่งจะไม่มีวิศวกรคนใดให้การรับรองความปลอดภัยเพื่อนำรถออกให้บริการ เท่ากับจะไม่สามารถนำรถให้บริการได้หากไม่ได้รับการซ่อมบำรุงใหญ่ (Overhaul) โดยขณะนี้มี 2 ทางเลือก คือ เร่งซ่อมบำรุงอะไหล่สำคัญหลัก หรืออะไหล่สำคัญบางส่วน (Partial Overhaul) โดยจะมีการซ่อมชุดแคร่รถไฟฟ้าตามมาตรฐานการซ่อมบำรุง ระบบเบรก ลูกยาง อะไหล่จำเป็นซึ่งเป็นการซ่อมบำรุงระยะสั้น ใช้เวลาแล้วเสร็จประมาณ 3 เดือน เพื่อยืดอายุการใช้งานของรถออกไปในระหว่างที่รอการซ่อมบำรุงใหญ่ แต่ปัญหาคือ จะสามารถหาซื้ออะไหล่ดังกล่าวได้หรือไม่
เนื่องจากทางซีเมนส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถไม่มีอะไหล่สำรอง ต้องมีคำสั่งซื้อก่อนจึงจะผลิตให้ ซึ่งต้องใช้เวลา 7-8 เดือน ดังนั้นจึงต้องหาอะไหล่ที่มีอยู่ในตลาดแล้ว ซึ่งขณะนี้มีเพียงประเทศอังกฤษเท่านั้นที่ใช้รถรุ่นเดียวกับแอร์พอร์ตลิงก์ โดยคณะกรรมการฯ จะตรวจสอบว่าอะไหล่ดังกล่าวจะสามารถนำมาใช้ทดแทนกันได้หรือไม่ และทางอังกฤษมีอะไหล่ที่จะขายให้หรืออาจจะใช้วิธีการยืมก็ได้ แต่หากไม่สามารถหาอะไหล่จำเป็นเพื่อนำมาปรับเปลี่ยนเร่งด่วนได้ก่อน จำเป็นต้องหยุดให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์เป็นการชั่วคราวก่อนระหว่างรอการซ่อมบำรุงใหญ่ ซึ่งประเมินว่าจะใช้เวลาซ่อมบำรุงใหญ่ไม่น้อยกว่า 1 ปีแน่นอน โดยจะต้องใช้เวลาจัดซื้อจัดจ้างประมาณ 5 เดือน เมื่อได้ผู้ชนะประมูลแล้วจะต้องสั่งซื้ออะไหล่อีก 7-8 เดือน และทำการซ่อมแซมอีก 2-4 เดือนรวมแล้วอย่างน้อย 1 ปี
“คงยังตอบไม่ได้ว่าจะหยุดวิ่งหรือไม่ ตอนนี้ 50:50 ต้องรอดูผลก่อนว่าจะหาซื้ออะไหล่เร่งด่วนมาเปลี่ยนรถ 5 ขบวนก่อนได้หรือไม่ ถ้าได้ก็ยังพอจะให้บริการต่อไปได้ ส่วนอุปกรณ์บางตัว เช่น ลูกยาง ต้องส่งไปทดสอบที่มาเลเซียว่าเมื่อใช้งานมาครบ 1.3 ล้านกิโลเมตรแล้วยังสามารถใช้งานต่อได้หรือไม่ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามคู่มือปฏิบัติด้านความปลอดภัยเพราะถ้านำรถออกวิ่งแล้วเกิดปัญหาไม่คุ้ม เลือกหยุดให้บริการดีกว่า พอซ่อมบำรุงใหญ่เสร็จก็กลับมาให้บริการใหม่ได้” นายภากรณ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับปัญหาของแอร์พอร์ตลิงก์ในวันนี้เป็นผลมาจากการทำงานของผู้บริหารก่อนหน้านี้ที่ไม่ตัดสินใจเรื่องการซ่อมบำรุงในช่วงที่มีเวลาและไม่ส่งผลกระทบต่อระยะเวลาการวิ่งของรถ ซึ่งถ้าถึงเกณฑ์ที่ต้องซ่อมบำรุงแล้วไม่ได้ซ่อมจะไม่สามารถนำรถออกวิ่งได้แน่นอนเพราะไม่มีวิศวกรคนไหนกล้าเซ็นรับรอง ซึ่งในขณะนี้มีทางเลือกเดียวคือหาอะไหล่จำเป็นเร่งด่วนให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็คงต้องหยุดวิ่ง โดยภายในวันที่ 19 กันยายนนี้จะรู้ว่าจะต้องหยุดวิ่งหรือไม่
