บอร์ด ทอท.สั่งชะลอสุวรรณภูมิเฟส 2 วงเงิน 6.2 หมื่นล้านบาท เปลี่ยนไปลงทุนก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านตะวันออก (Multi Terminal ) 2.4 หมื่นล้านบาทแทน ใช้เงินน้อย ก่อสร้างเร็ว รับได้ 20 ล้านคนต่อปีเท่ากัน คุ้มค่ากว่า ไม่กระทบสภาพคล่อง พร้อมอนุมัติ “เมฆินทร์” ลาออกตามคาด “ประสงค์” เผยออกแบบสมัครใจไม่ต้องจ่ายชดเชย ยันไม่ได้กดดัน
นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยภายหลังการประชุมวันนี้ (21 ส.ค.) ว่า ที่ประชุมมีมติให้ ทอท.ศึกษาและจัดทำรายละเอียดการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ (Multi Terminal) ด้านตะวันออกของอาคารเดิม ซึ่งจะรองรับผู้โดยสารทั้งระหว่างประเทศและในประเทศได้ภายในอาคารเดียวกัน สามารถรองรับผู้โดยสารได้รวม 20 ล้านคนต่อปี วงเงินลงทุนรวมประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท ดำเนินการภายใน 4 ปี โดยให้กลับมาเสนอบอร์ดพิจารณาอีกครั้งใน 2 เดือน และคาดว่าจะสรุปแผนเสนอขออนุมัติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ภายในปีนี้ และเปิดประกวดราคาก่อสร้างได้ในปี 2558 คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปีครึ่งและเป็นไปตามมติของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ที่ให้ ทอท.วิธีการอื่นในการขยายขีดความสามารถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่ทำได้รวดเร็วและลงทุนน้อย โดยในส่วนของการก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 วงเงิน 6.2 หมื่นล้านบาทให้ชะลอออกไปก่อน เนื่องจากอยู่ในระหว่างรอผลการตรวจสอบจาก คตร.
“บอร์ด ทอท.พิจารณาแล้วเห็นว่าสนามบินสุวรรณภูมิมีขีดความสามารถรองรับที่ 45-47 ล้านคนต่อปี ซึ่งในปี 60 จำนวนผู้โดยสารที่สนามบินสุวรรณภูมิจะเกินขีดความสามารถที่จะรองรับได้ และปี 62 คาดว่าผู้โดยสารจะถึง 60 ล้านคน ในขณะสุวรรณภูมิเฟส 2 ยังอยู่ระหว่างการทบทวน TOR ซึ่งต้องใช้เวลาและเกรงว่ากระบวนการก่อสร้างจะไม่ทันกับการเติบโตของผู้โดยสาร จึงนำแผนก่อสร้าง Multi Terminal มาดำเนินการก่อน ซึ่งเปรียบเทียบแล้วลงทุนน้อยกว่า ทำได้เร็วกว่าแต่รองรับผู้โดยสารได้เท่ากับเฟส 2 ซึ่ง Multi Terminal ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นแผนในการศึกษาเดิมตั้งแต่สมัยนายศรีสุข จันทรางศุ เป็นประธานบอร์ดแล้ว” นายประสงค์กล่าว
นายประสงค์กล่าวอีกว่า การลงทุนก่อสร้าง Multi Terminal วงเงิน 2.4 หมื่นล้านบาท จะไม่กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของ ทอท. ที่ตามแผนเดิมหากลงทุนสุวรรณภูมิเฟส 2 วงเงิน 6.2 หมื่นล้านบาทนั้น คาดว่าในปี 59-60 ทอท.จะมีปัญหาสภาพคล่องเพราะต้องกู้เงินมาลงทุนส่วนหนึ่ง โดยคาดว่าเงินทุนหมุนเวียนที่มีประมาณ 6 หมื่นล้านบาทจะครอบคลุมการลงทุนก่อสร้าง Multi Terminal รวมไปถึงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานภูเก็ตได้อย่างเพียงพอ ส่วนการดำเนินงานในปี 2557 นี้คาดว่ากำไรไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับอาคาร Multi Terminal นั้นจะก่อสร้างด้านตะวันออกของอาคารปัจจุบัน รองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศได้ประมาณ 8 ล้านคนต่อปี ผู้โดยสารในประเทศ 12 ล้านคนต่อปี) รวม 20 ล้านคนต่อปี สามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับการพยากรณ์ผู้โดยสาร มีพื้นที่ประมาณ 1.1 แสนตารางเมตร โดยมีหลุมจอดประชิดอาคารอีก 10-12 หลุมจอด ทำให้มีหลุมจอดประชิดอาคารรวม 63 หลุมจอด ค่าก่อสร้างอาคารประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท และค่าก่อสร้างโมโนเรลเพื่อเชื่อมต่อระหว่างอาคารผู้โดยสารหลักหลังเดิมกับ Multi Terminal อีกประมาณ 7.5 พันล้านบาท วงเงินลงทุนรวมไม่เกิน 2.4 หมื่นล้านบาท ดำเนินการ 4 ปี โดยจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมในเรื่อง การจัดทำผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ใหม่ เพิ่มพื้นที่ตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร พิจารณาระบบเส้นทางการเข้าออกอาคารเพื่อไม่ให้รบกวนผู้โดยสารหลัก และพิจารณาการขนส่งกระเป๋าสัมภาระเพื่อเชื่อมต่อระหว่างอาคารผู้โดยสารหลัก
นอกจากนี้ บอร์ดยังมีมติให้ ทอท.ประสานกับกระทรวงคมนาคมและกองทัพเรือ (ทร.) เพื่อพิจารณาแผนพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่มาก หลักร้อยล้านบาท เนื่องจากจะเป็นการปรับปรุงอาคารเพิ่มเติม ตั้งเป้าเริ่มต้นรองรับผู้โดยสารที่ 2.5 ล้านคนต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเที่ยวบินเช่าเหมาลำ รวมถึงให้ ทอท.ทบทวนความเหมาะสมในการก่อสร้างทางวิ่ง (รันเวย์) เส้นที่ 3 อีกครั้ง ว่าจะดำเนินการที่ความยาว 2,900 เมตร หรือ 4,000 เมตรเต็มประสิทธิภาพ โดยให้ดูประโยชน์ความจำเป็นในการใช้งานเป็นหลัก
บอร์ด ทอท.อนุมัติ “เมฆินทร์” ลาออก สมัครใจไม่จ่ายชดเชย
นายประสงค์กล่าวว่า ในวันนี้ (21 ส.ค.) ที่ประชุมบอร์ด ทอท.ได้เห็นชอบการลาออกจากตำแห่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.ของนายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2557 โดยนายเมฆินทร์ได้ยื่นใบลาออกลงวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการลาออกเอง และมีเหตุผลสมควร จึงไม่มีการชดเชยใดๆ ทั้งนี้ นายเมฆินทร์รับตำแหน่งเอ็มดี ทอท.เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2556 ทำงานรวมกว่า 8 เดือน และบอร์ดได้แต่งตั้งให้นายนิรันดร์ ธีรนาทสิน กรรมการ ทอท. ทำหน้าที่รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ พร้อมทั้งสั่งการให้เร่งรัดกระบวนการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
“ยืนยันว่าผมไม่เคยกดดันคุณเมฆินทร์ ตลอดเวลาที่ผมมารับตำแหน่งประธานบอร์ด 2 เดือน เราทำงานร่วมกันอย่างดี คุยกันสนุกสนาน ซึ่งตอนที่ผมมารับตำแหน่งใหม่ๆ คุณเมฆินทร์ได้แสดงสปิริตยื่นหนังสือลาออกแล้วครั้งหนึ่ง เพราะบอกว่าต้องการไปทำตามความฝันของตัวเองที่อยากทำ และเห็นว่าโครงการแอร์พอร์ตซิตี้ สุวรรณภูมิเฟส 2 อู่ตะเภา ดำเนินการได้ตามแผน แต่ผมยับยั้งไว้เพราะเห็นว่าคุณเมฆินทร์เป็นมืออาชีพ ทุ่มเททำงาน แต่เมื่อมาลาออกอีกครั้งก็ไม่ว่ากันเพราะโตๆ กันแล้ว” นายประสงค์กล่าว