ร.ฟ.ท.มอบเงินเยียวยาครอบครัว “น้องแก้” พร้อมคลอดมาตรการล้อมคอกป้องกันเกิดเหตุอีก

การรถไฟฯ มอบเงินเยียวยาครอบครัว “น้องแก้ม” และเสนอทุนการศึกษาให้พี่สาวและรับเป็นพนักงานรถไฟฯ ส่วนมาตรการเร่งด่วนห้ามจำหน่ายสุรา และห้ามผู้โดยสารดื่มสุราบนขบวนรถ เริ่ม 11 พ.ค. จัดรถนอนชั้น 2 เฉพาะผู้หญิง (Lady Car) พ่วงขบวนละ 1 คัน พร้อมติดปุ่มแจ้งเหตุฉุกเฉินภายในที่นอนทุกคัน และรื้อระบบบรรจุลูกจ้าง

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม คณะผู้บริหาร และพนักงานการรถไฟฯ ได้ร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ด.ญ.กชกร พิทักษ์จำนงค์ ที่วัดทินกรนิมิต ซึ่งการรถไฟฯ จะมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเป็นจำนวน 360,000 บาทแก่มารดาของ ด.ญ.กชกร พิทักษ์จำนงค์ และรับเป็นเจ้าภาพในพิธีสวดพระอภิธรรมศพตั้งแต่วันที่ 8-10 กรกฎาคม 2557 และพิธีฌาปนกิจศพในวันที่ 13 กรกฎาคม 2557 เมื่อเสร็จงานแล้วการรถไฟฯ จะหารือมารดาและครอบครัวของน้องแก้มเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป

โดยการรถไฟฯ เสนอมอบทุนการศึกษาแก่ นางสาวกนลา พิทักษ์จำนงค์ พี่สาวของน้องแก้ม ที่ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 จนจบหลักสูตรปริญญาตรี และพร้อมรับเข้าบรรจุเป็นพนักงานการรถไฟฯ เมื่อจบการศึกษา

สำหรับมาตรการเร่งด่วนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวแก่ผู้โดยสารที่เดินทางบนขบวนรถไฟขึ้นอีก ประกอบด้วย 1. ให้ทบทวนและตรวจสอบคุณสมบัติและประวัติลูกจ้างชั่วคราวที่เป็นพนักงานรถนอน จำนวน 90 คน ที่รับสมัครในรุ่นเดียวกันกับผู้ต้องหาใหม่อีกครั้ง 2. ในการรับสมัครพนักงาน หรือลูกจ้างเข้าทำงานในการรถไฟฯ ในหน้าที่ด้านบริการที่เกี่ยวข้องกับผู้โดยสาร จะต้องมีการตรวจสอบประวัติ และสุขภาพจิต และยังไม่ให้ปฏิบัติงานหากยังไม่ทราบผลการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

3. ห้ามจำหน่ายสุรา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งในสถานี และบนขบวนรถไฟ รวมทั้งห้ามผู้โดยสารดื่มสุรา และแอลกอฮอล์บนขบวนรถไฟด้วย โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม 2557 ซึ่งเป็นวันอาสาฬหบูชา เป็นต้นไป

4. ให้มีรถนอนชั้น 2 เฉพาะสุภาพสตรี (Lady Car) อย่างน้อยขบวนละ 1 คัน ในขบวนรถที่มีการพ่วงรถนอน 5. ติดปุ่มแจ้งเหตุฉุกเฉินภายในที่นอนบนขบวนรถนอนทุกคัน

ทั้งนี้ การรถไฟฯ อยู่ในระหว่างทบทวนมาตรการสร้างความเชื่อมั่นทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยของการให้บริการที่ยั่งยืนต่อไป

อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่มีข่าวว่าผู้ต้องหาเป็นลูกจ้างของบริษัทที่รับสัมปทานนั้น การรถไฟฯ ได้ชี้แจงว่า ในชั้นแรกมีผู้ต้องสงสัยจำนวน 4 คน เป็นพนักงานรถนอน 3 คน และพนักงานทำความสะอาดที่เป็นพนักงานของบริษัท 1 คน ซึ่งในชั้นสอบสวนพนักงานทำความสะอาดเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุด จนนำไปสู่ความเข้าใจที่สับสนต่อสาธารณชน