“คมนาคม” ชง คสช.คุมจุดบั้งไฟ เผยนักบินขยาดน่านฟ้าอีสานไม่ปลอดภัย

“ปลัดคมนาคม” เตรียมเสนอ คสช.ออกประกาศคำสั่งควบคุมการจุดบั้งไฟ หลังพบมีการพนันจุดนอกเทศกาลกระจายทั่วภาคอีสาน กระทบความปลอดภัยด้านการบิน ยกเป็นปัญหาระดับชาติ ด้าน บวท.เผยมีหลายสายการบินเลิกใช้น่านฟ้าไทยหวั่นอันตราย ขณะที่มีนักบินแจ้งพบบั้งไฟทุกวัน

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมมาตรการป้องกันและลดความเสี่ยงอันตรายต่อการบินและอากาศยานจากกรณีจุดบั้งไฟวานนี้ (9 ก.ค.) ว่า เนื่องจากปัจจุบันการจุดบั้งไฟในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนเท่านั้น แต่มีการลักลอบจุดบั้งไฟในหลายพื้นที่ตลอดทั้งปี โดยมีการพนันเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งมีการพัฒนาทั้งวัสดุและดินปืนเพื่อทำให้บั้งไฟพุ่งขึ้นสูงถึงระดับเพดานบินที่ 25,000 ฟุตและไม่สามารถควบคุมทิศทางได้ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายร้ายแรงต่ออากาศยานได้ ซึ่งมาตรการเร่งด่วนเฉพาะหน้านั้นทางผู้บัญชาการตำรวจภาค 3 ได้มีการประชุมเพื่อดำเนินการตรวจจับพนันจุดบั้งไฟ ส่วนมาตรการระยะยาวนั้น ทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และกระทรวงคมนาคมได้ร่วมกันหาทางแก้ปัญหามาระยะหนึ่งแล้ว และเห็นว่าควรยกกรณีจุดบั้งไฟเป็นปัญหาระดับชาติ ดังนั้นจะสรุปรายงานเสนอไปยังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อให้พิจารณาออกเป็นคำสั่งบังคับทั่วประเทศต่อไป

นางสาริณี แสงประสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) กล่าวว่า ปัจจุบัน บวท.ได้รับรายงานจากนักบินว่าพบบั้งไฟบนอากาศในระดับการบินทุกวัน ซึ่งมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในความปลอดภัยการบินในน่านฟ้าพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย และทำให้สายการบินที่ต้องผ่านเส้นทางนี้มองหาเส้นทางบินใหม่โดยเลี่ยงน่านฟ้าไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมและกระทบต่อธุรกิจการบินของไทยอย่างมาก ซึ่งเฉลี่ยน่านฟ้าไทยมีเที่ยวบินผ่านเข้าออกประมาณ 8 แสนเที่ยวบินต่อปี โดยมี 25% ผ่านน่านฟ้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีประมาณ 100 สายการบินที่บินเข้าออกประเทศไทย

โดยจากสถิติการออกประกาศ NOTAM เตือนนักบินเรื่องการจุดบั้งไฟพบว่า ปี 2556 จังหวัดอุบลราชธานีมีการออก NOTAM มากที่สุดจำนวน 444 ครั้ง รองลงมาคือจังหวัดร้อยเอ็ด 247 ครั้ง และจังหวัดบุรีรัมย์ 164 ครั้ง และจังหวัดอุบลราชธานีมีการรายงานแจ้งเตือนนักบินที่ไม่มีประกาศ NOTAM ว่าพบเห็นบั้งไฟอีก 21 ครั้ง ซึ่งการจุดบั้งไฟและโคมลอยจะมีผลกระทบโดยตรงต่อความปลอดภัยของเครื่องบิน ในขณะที่ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายใดบังคับควบคุมโดยตรง กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และกรุงเทพมหานคร มีความเห็นร่วมกันในการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่องการป้องกันและลดความเสี่ยงอันตรายต่อการบินและอากาศยานจากการปล่อยโคมลอย โคมควัน และการจุดบั้งไฟ เพื่อให้แต่ละหน่วยงานร่วมกันดำเนินการแก้ไขและป้องกัน

นอกจากนี้ นางสร้อยทิพย์ยังได้ประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมอำนายความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ระหว่างวันที่ 11-14 กรกฎาคม 2557 โดยหน่วยงานของกระทรวงคมนาคมได้เตรียมพร้อมจัดรถเสริมรองรับตามมาตรการปกติ โดยบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จัดเพิ่มเที่ยววิ่งอีก 900 เที่ยวต่อวันหรือคิดเป็น 20% จากปกติที่มี 5,800 เที่ยววิ่งต่อวัน สามารถรองรับได้ 142,000 คนต่อวัน รวม 4 วันรองรับได้ 586,000 คน พร้อมกับเตรียมรถไม่ประจำทาง (รถ 30) ไว้สำรองด้วย ด้านการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จัดพ่วงตู้โดยสารในขบวนวิ่งปกติ เที่ยวไป 10 ตู้ เที่ยวกลับ 13 ตู้ รองรับได้เพิ่มอีก 5,000 คนต่อวัน ส่วนบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จะปรับเพิ่มขนาดเครื่องบินรองรับหากมีผู้โดยสารเพิ่ม

อย่างไรก็ตาม กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จะจัดตั้งศูนย์บริการ 16 แห่งทั่วประเทศและบูรณาการอำนวยความสะดวกร่วมกับกรมทางหลวงชนบท และกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ได้กำชับให้กรมทางหลวงแก้ไขจุดอันตรายต่างๆ พร้อมติดป้ายแจ้งเตือนให้ชัดเจนในจุดที่มีการก่อสร้าง และขอความร่วมมือผู้รับเหมาให้หยุดก่อสร้างในช่วงเทศกาลด้วย